หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าย่อตัวแกว่งแคบ กังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยหลัง Bond Yield พุ่ง

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้อาจย่อตัวลงเล็กน้อย รับความกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย เร่ง Bond Yield ดีดสูงแตะ 3% แต่อาจมีแรงซื้อหุ้นปัจจัยบวกเฉพาะตัวช่วยพยุงดัชนีไม่ลงลึก คาดวอลลุ่มเบาบางต่อเนื่อง ส่วนตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวแดนลบ โดยให้แนวต้าน 1,670-1,675 จุด แนวรับ 1,655-1,660 จุด

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันนี้มีโอกาสย่อตัวลงมาบ้าง และแกว่งในกรอบแคบ หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยปิดทำการในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ซึ่งตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวลง แต่มองว่าอาจจะมีแรงซื้อสลับมาในบ้างช่วงได้ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวจากการที่อยู่ในช่วงของการประกาศผลการดำเนินงาน แต่มองว่าเป็นการซื้อเพื่อรอขาย ทำให้ตลาดหุ้นไทยอาจจะยังมีแรงกดดันอยู่บ้าง และมองว่าวอลลุ่มการซื้อขายน่าจะไม่มาก เพราะพรุ่งนี้ตลาดหุ้นไทยปิดทำการอีก 1 วัน

สำหรับปัจจัยกดดันยังคงเป็นความกังวลธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่เร่งสูงต่อเนื่อง ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) ดีดตัวขึ้น สู่ระดับ 3% ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัว ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ

โดยให้แนวต้าน 1,670-1,675 จุด แนวรับ 1,655-1,660 จุด

บล.เคทีบีเอสที คาดกรอบดัชนี SET สัปดาห์นี้ 1,640-1,680 จุด แนวโน้มผันผวนแบบไร้ทิศทางและอยู่ในช่วงของการปรับฐาน อีกทั้งตลาดหุ้นมีวันหยุดถึง 2 วัน การซื้อขายน่าจะจะเงียบๆ จนกว่าจะทราบผลประชุม FOMC (เช้าวันพฤหัส)

โดยยังเป็นห่วงต่อสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ที่คาดการณ์ยาก และดูจะมีทีท่าเป็นลบมากขึ้น , สถานการณ์โควิดของจีน ตัวเลขลดลง ทางการจีนเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ตลาดมองลบเพราะตัวเลขเศรษฐกิจออกมาไม่ดี นอกจากนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นไทยเข้าสู่ฤดูกาลรายงายผลประกอบการ จึงทำให้ตลาดมีแรงซื้อเก็งกำไร หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว กำไรดี ช่วยพยุงตลาด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (2 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,061.50 จุด เพิ่มขึ้น 84.29 จุด หรือ +0.26% , ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,155.38 จุด เพิ่มขึ้น 23.45 จุด หรือ +0.57% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,536.02 จุด เพิ่มขึ้น 201.38 จุด หรือ +1.63%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,927.62 จุด ลดลง 161.77 จุด หรือ -0.77% ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ (3 พ.ค.) เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ ส่วนตลาดหุ้นจีนปิดทำการเนื่องในวันแรงงาน
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 เม.ย.) ที่ระดับ 1,667.44 จุด ลดลง 0.30 จุด, -0.02%
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 483.82 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 เม.ย.65
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.(2 พ.ค.) เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 105.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 พ.ค.) อยู่ที่ 22.45 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.44 อ่อนค่าตามค่าเงินภูมิภาค หลังบอนด์ยิลด์พุ่งหนุนดอลลาร์แข็งค่า
  • 3 หน่วยงานเศรษฐกิจจับตาเศรษฐกิจจีนชะลอ ธปท.หวั่นกระทบส่งออก-ลงทุนอสังหาฯ ฉุดค่าบาทอ่อน สศค.ชี้ล็อกดาวน์รอบใหม่กดจีดีพีของจีน ไม่ถึงเป้า 5.5% ด้าน สศช.ห่วง “ซีโร โควิด” กระทบทั่วโลก ฐานการผลิตอิเล็กฯไทย ขาดวัตถุดิบ ส.อ.ท.ระบุนโยบายโควิด เป็นศูนย์ซ้ำเติมโกบอลซัพพลายเชน กระทบวัตถุดิบนำเข้าจากจีน
  • ภาครัฐ-เอกชนท่องเที่ยว ลุ้นปลุกชีพจรขุมทรัพย์ “จีนเที่ยวไทย” มูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท หวังทางการจีน กดสวิตช์เปิดประเทศ หนุนดึงนักท่องเที่ยว แดนมังกรเดินทางมาไทยได้ช่วงปลายปี 2-3 ล้านคน เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่โกลเด้นวีค วันชาติจีน 1 ต.ค.65 ส่งโมเมนตัมที่ดีถึง ตรุษจีนปี 66
  • นายกฯ ญี่ปุ่นเยือนไทย ลงนามเอ็มโอยู 3 ฉบับ ร่วมฟื้นฟูวิกฤติ โควิด-19 หารือผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทาง 2 ประเทศ สกพอ.หวังทุนญี่ปุ่นลงทุนไทยปีนี้ 2.5 หมื่นล้าน ใกล้เคียงช่วงก่อนโควิด หนุนอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ “คิชิดะ” ยกประเด็นรัสเซีย-ยูเครน
  • นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (ยูเอสทีอาร์) ได้เผยแพร่รายงานสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้ารายสำคัญ ภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 65 โดยให้ไทยคงอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (ดับบลิวแอล) ต่อไปอีก 1 ปีนับจากปี 60 ที่สหรัฐฯ ปรับสถานะไทยจากประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ (พีดับบลิวแอล) มาอยู่ดับบลิวแอล
  • นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงปัญหาราคาสินค้าว่า ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมีผลกระทบต่อต้นทุนผลิตและค่าขนส่งอย่างมีนัยสำคัญ และจะมีผลกระทบถึงราคาสินค้าด้วย กระทรวงซึ่งดูแลในส่วนปลายน้ำจะกำกับดูแลไม่ให้เอารัดเอาเปรียบ และค้ากำไรเกินควรหรือกักตุนสินค้า และให้ทั้ง 3 ฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ทั้งเกษตรกร ผู้ผลิตสินค้า และผู้บริโภค หากพบเจอผู้เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค ค้ากำไรเกินควร หรือมีการกักตุนราคาสินค้า ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงเป็นผู้ติดตามและดูแล ให้เร่งแก้ไขปัญหา

 

หุ้นเด่นวันนี้

  • PTG (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 16.70 บาท แนวโน้มผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้ว โดยในไตรมาส 1/65 คาดพลิกกลับมาเป็น QoQ แม้ปริมาณขายลดลงเนื่องจากตั้งราคาขายน้ำมันดีเซลสูงกว่า 30 บาท/ลิตร แต่จะได้รับการชดเชยจากค่าการตลาดที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ธุรกิจ LPG และ Non-oil ยังดีขึ้นหลังจากที่มีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ ส่วนในไตรมาส 2/65 ทยอยดีขึ้นต่อเนื่องจากการปรับเพิ่มราคาน้ำมันดีเซลแบบขั้นบันไดของภาครัฐ ช่วยลดแรงกดดันด้านค่าการตลาด โดย PTG จะปรับกลยุทธ์ลดราคาขายดีเซลลงให้เท่ารายอื่น ส่งผลให้ปริมาณขายรวมกลับมาขยายตัวดีขึ้น
  • TH (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 9 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมมส 1/65 +347% Y-Y เนื่องจากบริษัทเพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ AMC ใน ไตรมาส 4/64 ขณะที่ในไตรมาส 1/65 ยังเป็นธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และสินเชื่อแฟคตอริ่ง กำไรดังกล่าวทรงตัวใกล้เคียงไตรมาส 4/64 เพราะมูลหนี้ในการบริหารยังเท่าเดิม โมเมนตัมกำไรจะเป็นขาขึ้นตลอดทุกไตรมาสจของปี อย่างไรก็ตาม เราปรับประมาณการกำไรปี 2565-2567 ลงเฉลี่ยปีละ 15% จากการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บหนี้และค่าบริหารให้สูงกว่าเดิมเพื่อความระมัดระวัง แต่คาดกำไรปี 2565 ยังก้าวกระโดด +227% Y-Y และ +49% CAGR ในปี 2565-2567
  • TIDLOR (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 38.50 บาท แนวโน้มปี65 ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ล้อไปกับเศรษฐกิจ คาดรายได้ค่าธรรมเนียมโต 31%YoY และสินเชื่อเติบโต +20%YoY ตามลำดับ เข้าสู่ High Season ของรายได้ในไตรมาส 2/65 สินเชื่อและยอดประกันเติบโต ด้าน NPL ยังควบคุมได้ในระดับที่ดี และมี NPL Coverage ที่ 317% เพียงพอต่อการขยายสินเชื่อ KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 4.1 พัน ลบ. และ 5.27 พัน ลบ. +20%YoY, +28%YoY ตามลำดับ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top