นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยถึงสถานการณ์อุตสาหกรรมการเลี้ยงสุกรในปัจจุบันว่า จากปัญหาโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู (ASF) โรคระบาดในสุกรที่พบในประเทศไทยเมื่อปลายปี 64 ที่ผ่านมา ปัจจุบันยังคงพบปัญหานี้บางพื้นที่ ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงต่างระมัดระวัง และบริหารความเสี่ยงด้วยการหยุดเข้าเลี้ยงสุกรไปก่อน ส่วนในรายที่ยังคงเลี้ยงสุกรอยู่ ต้องปรับวิธีการเลี้ยงและการจัดการป้องกันโรคอย่างเข้มงวดขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 300 บาทต่อตัว ซึ่งเกษตรกรยินดีแบกรับค่าใช้จ่ายส่วนนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคระบาดในฝูงสัตว์ของตนเอง
อย่างไรก็ตาม พบว่ายังคงมีขบวนการลักลอบนำเนื้อสุกร และชิ้นส่วนผิดกฎหมายจากหลายประเทศ อาทิ เยอรมัน บราซิล แคนาดา อิตาลี เกาหลี เบลเยียม และสหรัฐอเมริกา โดยสำแดงเท็จว่าเป็นสินค้าอื่น เช่น เป็นวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง และอาหารทะเล นำมากระจายขายปะปนกับหมูไทยทั่วประเทศ โดยเฉพาะตลาดบริเวณจังหวัดนครปฐมและราชบุรี ซึ่งถือเป็นการทำลายเกษตรกร ผู้บริโภค และเศรษฐกิจ
“ในขณะที่ทุกคนในวงการเลี้ยงหมูต่างพยายามป้องกันโรค ASF และพยายามผลักดันให้ผู้เลี้ยงหมูรายย่อยกลับมาเลี้ยงหมูรอบใหม่ให้เร็วที่สุด ซึ่งทั้งเกษตรกร ภาคเอกชน และทุกคนในแวดวงผู้เลี้ยงได้ช่วยกันในทุกด้าน เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับเกษตรกรกลับเข้าสู่ระบบอย่างมั่นใจและรวดเร็ว แต่กลับมี ‘ไอ้โม่ง’ ที่ทำมาหาทำกินบนความทุกข์ของคนเลี้ยงหมูและคนไทย” นายสิทธิพันธ์ กล่าว
ในส่วนของขบวนการดังกล่าวนั้น เป็นการใช้วิกฤติเพื่อหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง โดยไม่สนใจว่าเนื้อหมูที่ลักลอบนำเข้านั้น มีโรคหมูที่เป็นความเสี่ยงอย่างยิ่งต่อระบบการเลี้ยงหมูของไทย และยังปนเปื้อนสารอันตราย เช่น สารเร่งเนื้อแดง ซึ่งเป็นสารต้องห้ามและผิดกฎหมายไทยตาม พ.ร.บ.ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ ขณะเดียวกัน ยังก่อผลกระทบร้ายแรงต่อผู้บริโภค และที่สำคัญรัฐต้องสูญเสียรายได้จากสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษีตามระบบ
“เกษตรกรจึงขอเรียกร้องให้ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมศุลกากร และกรมปศุสัตว์ เร่งสกัดกั้นและกวาดล้างขบวนการนี้ให้สิ้นซาก ถ้ายังปล่อยให้หมูเถื่อนลอยนวล คนเลี้ยงหมูก็ตายสนิท คนไทยก็ตายผ่อนส่ง เศรษฐกิจไทยย่ำแย่แน่นอน” นายสิทธิพันธ์ กล่าว
สำหรับสถานการณ์ราคาสุกร ยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับ 94-98 บาทต่อกิโลกรัม โดยการปรับราคาขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิตและการบริโภคในแต่ละภูมิภาคเป็นตัวกำหนด ตามกลไกตลาดที่แท้จริง ซึ่งที่ผ่านมาเกษตรกรทั่วประเทศต่างร่วมกันบริหารจัดการผลผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการ
นอกจากนี้ ยังคงระดับราคาไว้ไม่เกิน 100 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน แม้ว่าจะมีภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งจากการปรับปรุงระบบการเลี้ยงและการป้องกันโรค ต้นทุนค่าวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับตัวสูงขึ้นตลอด ค่าไฟ และค่าพลังงาน โดยเฉพาะค่าน้ำมันที่รัฐบาลจะเลิกตรึงราคาดีเซล 30 บาทต่อลิตร ในวันที่ 1 พ.ค.ที่จะถึงนี้
ขณะเดียวกัน ยังมีภาระค่าใช้จ่ายค่าน้ำ ที่เกษตรกรหลายพื้นที่ต้องซื้อน้ำใช้ จากผลกระทบของภัยแล้ง รวมถึงอากาศร้อนและแปรปรวน ส่งผลต่ออัตราสูญเสียในฟาร์มเลี้ยงที่สูงขึ้น ทำให้ผู้เลี้ยงมีต้นทุนสูงถึงกว่า 98 บาทต่อกิโลกรัม ดังนั้น การปล่อยให้กลไกตลาดทำงาน จึงถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเกษตรกร
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 เม.ย. 65)
Tags: สิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ, สุกร, เนื้อหมู, โรคอหิวาต์แอฟริกาหมู