มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีน ส่งผลให้บริษัทค้าปลีกญี่ปุ่นต้องระงับการดำเนินงานในเซี่ยงไฮ้ ขณะที่ผู้ผลิตในญี่ปุ่นก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากการล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานได้รับผลกระทบ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การที่จีนล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้ตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์นั้น ได้ส่งผลให้บริษัทเรียวฮิน เคอิคะคุ ( Ryohin Keikaku ) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ “มูจิ” ได้สั่งปิดร้านประมาณ 50 แห่งจากกว่า 300 แห่งในจีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายโนบุโอ โดมาเอะ ประธานบริษัทเรียวฮิน เคอิคะคุกล่าวว่า “เราคาดว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปีงบการเงินที่เริ่มตั้งแต่เดือนมี.ค.นี้ จะลดลงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมาก” นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรสำหรับปีงบการเงินที่สิ้นสุดในเดือนส.ค. โดยระบุถึงผลกระทบเชิงลบที่มีต่อธุรกิจในจีน
ทางด้านบริษัทฟาสต์ รีเทลลิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ “ยูนิโคล่” เปิดเผยว่า บริษัทได้สั่งปิดร้านยูนิโคล่จำนวน 86 แห่ง และปิดร้านเสื้อผ้าลำลองแบรนด์ “จียู” จำนวน 8 แห่งในเซี่ยงไฮ้
ทั้งนี้ นายทาดาชิ ยาไน ประธานและซีอีโอของบริษัท ฟาสต์ รีเทลลิ่งกล่าวว่า บริษัทประสบปัญหาอย่างมากในแง่ของรายได้ รวมถึงชีวิตประจำวันของพนักงาน
นอกจากนี้ บริษัทลอว์สัน อิงค์ ซึ่งเป็นธุรกิจร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ของญี่ปุ่น ประกาศปิดร้านค้าราว 80-90% จากจำนวนร้านค้าประมาณ 1,000 แห่งในเซี่ยงไฮ้
ทั้งนี้ การดำเนินงานในญี่ปุ่นได้รับผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ในเซี่ยงไฮ้เกิดความล่าช้า โดยบริษัทมาสด้า มอเตอร์ ตัดสินใจปิดโรงงาน 2 แห่งในญี่ปุ่นเป็นเวลา 8 วันในเดือนเม.ย. ขณะที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้ระงับการดำเนินงาน ที่โรงงานใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดไอจิเป็นเวลา 5 วัน นับตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 เม.ย. 65)
Tags: ญี่ปุ่น, มาตรการล็อกดาวน์, ห่วงโซ่อุปทาน, เซี่ยงไฮ้, โนบุโอ โดมาเอะ