บล.พาย (Pi) คาดว่า สัปดาห์นี้ประเมินการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของไทย (SET) ค่อนข้างจำกัดในกรอบ 1,677-1,700 จุด เนื่องจากจะเปิดทำการเพียง 2 วัน คือ วันจันทร์และวันอังคาร หลังจากนั้นจะเข้าสู่วันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ในสัปดาห์นี้หลักๆแล้วจะไปรายงานในช่วงคืนวันอังคารตามเวลาประเทศไทย อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐ Bloomberg คาดที่ 1.2%MoM ถัดมาจะเป็นดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐที่จะมีกำหนดรายงานในคืนวันพุธตามเวลาประเทศ Bloomberg คาดที่ 1.1%MoM และยอดค้าปลีกสหรัฐในวันพฤหัส Bloomberg คาดที่ 0.6%MoM ดังนั้น จะเห็นว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญจะรายงานช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ
อย่างไรก็ตาม ให้ระมัดระวังแรงขายที่อาจเกิดขึ้นในช่วงวันอังคาร เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจที่จะรายงานออกมาค่อนข้างมีความสำคัญกับการลงทุนและเกี่ยวข้องโดยตรงกับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งนักลงทุนบางส่วนอาจจะกังวลกับภาวะการลงทุนสัปดาห์หน้าจากการเร่งใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากกว่าเดิมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะให้ถือครองเงินสดจากระดับ Valuation ที่ค่อนข้างสูง และสัปดาห์นี้แนะหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเทศกาลสงกราต์ อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL) โรงแรม (AWC CENTEL ERW MINT) สนามบิน (AOT) เครื่องดื่ม (ICHI TACC) ศูนย์การค้า (CPN) ร้านอาหาร (M) โรงภาพยนตร์ (MAJOR)
BJC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 40 บาท) คาดผลประกอบการจะค่อยๆดีขึ้นในปี 65 จากจุดต่ำสุดในปี 64 หนุนจาก 1) ผลประกอบการ BigC ที่ดีขึ้น 2) ยอดขายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ฟื้นตัวที่แข็งแกร่งทั้งในไทยและเวียดนาม 3) รายได้ค่าเช่าฟื้นตัวจากการให้ส่วนลดค่าเช่าที่ลดลง
M (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 61 บาท) คาดจะรายงานกำไรสุทธิ Q1/65 ที่ 393 ล้านบาท (+343%YoY, -2%QoQ) หนุนจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในสามแบรนด์หลัก (MK, Yayoi และแหลมเจริญซีฟู้ด) หลังจากกลับมาให้บริการแบบรับประทานในร้าน พร้อมกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวตามอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 เม.ย. 65)
Tags: SET, SET Index, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, บล.พาย, หุ้นไทย