เงินบาทเปิด 33.59 ธุรกรรมเบาบางก่อนหยุดยาว ไร้ปัจจัยใหม่ คาดกรอบ 33.50-33.70

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.59 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็กน้อยจากเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.61 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากวันศุกร์ โดยวันนี้การซื้อขายในตลาดเงินน่าจะเบาบาง เนื่องจากใกล้ช่วงเทศกาลวันหยุดยาว และวันนี้ยังไม่มีปัจจัยใหม่ เพียงแต่ต้องจับตา flow ที่เข้ามา เพราะอาจจะทำให้เงินบาทเคลื่อนไหวขึ้น-ลงแรงได้ เนื่องจากปริมาณธุรกรรมระหว่างวันที่คาดว่าจะมีไม่มากนัก

“วันนี้ตลาดน่าจะเบาบาง เพราะเตรียมตัวหยุดยาวช่วงสงกรานต์ แต่ต้องระวัง ถ้ามี flow เข้ามาอาจะทำให้ค่าเงินขึ้น-ลง แรงได้…ปัจจัยวันนี้น่าจะเป็นไปตามทิศทางของดอลลาร์ จากที่เฟดมีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรง”

นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.50 – 33.70 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (8 เม.ย.) อยู่ที่ระดับ 0.40397% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.44507%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 124.86 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 124.07 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0888 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0870 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.573 บาท/ดอลลาร์
  • “บัญชีกลาง” โชว์ผลงานเบิกจ่ายงบไตรมาส 2 ปี งบประมาณ 2565 แตะ 1.58 ล้านล้านบาท คิดเป็น 51.29% พร้อมตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจกระทุ้งส่วนราชการเบิกจ่าย กระตุ้นลงทุนเร่งรัดก่อหนี้-บริหารสัญญาโครงการต่างๆ
  • ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยไตรมาสแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.) มีจำนวน 444,039 คน ขยายตัว 2,101% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2564 และเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2564 สร้างรายได้ 34,173 ล้านบาท ขยายตัว 1,424% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2564 และเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2564 ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศของไทยส่วนคาดการณ์ไตรมาสสอง (เม.ย.-มิ.ย.) จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 341,340 คน เพิ่มขึ้น 1,584% สร้างรายได้ 23,083 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 983% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
  • กองทุนน้ำมันฯ ติดตามสถานการณ์น้ำมันโลก เตรียมดีเดย์ 1 พ.ค. เลิกตรึงราคาขายปลีกดีเซล 30 บาท ทยอยปรับขึ้นแบบรัฐอุ้มครึ่งหนึ่ง พร้อมปรับเพดานตรึงราคาใหม่ รื้อแผนรองรับวิกฤตเหลือ 3 ปี คาดได้ข้อสรุปก.ค.-ส.ค.นี้
  • ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจยูเครนมีแนวโน้มหดตัวรุนแรงถึง 45.1% ในปีนี้ เนื่องจากการที่รัสเซียใช้กำลังทหารรุกรานยูเครนได้ส่งกระทบอย่างหนักต่อภาคธุรกิจ, อุตสาหกรรมการส่งออก และกิจกรรมทางเศรษฐกิจของยูเครน
  • สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้สกุลเงินต่างประเทศของรัสเซียลงสู่ “ผิดนัดชำระหนี้บางส่วน” (selective default) ในวันนี้ (9 เม.ย.) เนื่องจากมีความเสี่ยงมากขึ้นที่รัสเซียจะไม่สามารถชำระหนี้ และไม่เต็มใจที่จะปฏิบัติตามพันธสัญญาที่ให้ไว้กับลูกหนี้ต่างชาติที่ถือครองตราสารหนี้ของรัสเซียบรรดานักลงทุนจะรอการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค.ของสหรัฐในวันอังคารหน้า ซึ่งคาดว่าจะพุ่งขึ้นเหนือระดับ 8%
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งพุ่งขึ้น 2.5% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนม.ค. และเมื่อเทียบรายปี สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งพุ่งขึ้น 19.9% ในเดือนก.พ.
  • ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐลงนามบังคับใช้กฎหมายเมื่อวันศุกร์ (8 เม.ย.) เพื่อยุติความสัมพันธ์ทางการค้าที่ปกติกับรัสเซีย ขณะที่รัสเซียยังคงทำการโจมตียูเครน ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะปูทางให้สหรัฐปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากรัสเซีย
  • ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย. (เบื้องต้น) และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
  • นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางหลายแห่งในสัปดาห์นี้เพื่อหาสัญญาณเงินเฟ้อ ซึ่งได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางเกาหลีใต้ และธนาคารกลางยุโรป (ECB)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 เม.ย. 65)

Tags: ,
Back to Top