พันธบัตรไทยมีแนวโน้มร่วงหนักสุดในเอเชียหลังบอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่งแรง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า ราคาพันธบัตรของไทยมีแนวโน้มปรับตัวลงอีก เนื่องจากพันธบัตรของสหรัฐยังคงมีความผันผวนอย่างมาก

พันธบัตรของไทยมีความอ่อนไหวต่อการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมากที่สุด เมื่อเทียบกับพันธบัตรของประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยข้อมูลของบลูมเบิร์กระบุว่า ผลตอบแทนรวมของพันธบัตรสกุลเงินบาทร่วงลง 6.1% นับตั้งแต่รัสเซียบุกโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ซึ่งถือเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุด

ข้อมูลระบุว่า แรงกดดันดังกล่าวยังไม่มีแนวโน้มที่จะบรรเทาลงในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะพุ่งขึ้นอีก โดยในสัปดาห์นี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งแตะระดับสูงสุดถึง 2.66% หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยแผนการปรับลดขนาดงบดุลบัญชี และนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดส่งสัญญาณว่า การปรับลดขนาดของงบดุลจะเริ่มขึ้นในเดือนพ.ค.นี้

ข้อมูลของบลูมเบิร์กยังระบุด้วยว่า ที่ผ่านมานั้น พันธบัตรของไทยมีกันชนอัตราผลตอบแทนที่แท้จริง (Real Yield Buffer) ที่ตึงตัวที่สุดในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ของเอเชีย จึงทำให้พันธบัตรของไทยมีความอ่อนไหวมากที่สุดต่อการปรับตัวของพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์ของดอยซ์แบงก์คาดว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.3% ในปีนี้

นอกจากนี้ บลูมเบิร์กรายงานว่า นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ด้านตลาดเงินและตลาดทุนของธนาคารกรุงไทยได้แสดงความเห็นว่า

“อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของไทยมีความอ่อนไหวต่อการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการที่นักลงทุนต่างชาติได้พากันลดการลงทุนในพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ เนื่องจากสงครามในยูเครนและเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 เม.ย. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top