นายกฯ หารือ ICAO ส่งเสริมความร่วมมือ-ยกระดับอุตฯการบินไทยสู่ Hub ภูมิภาค

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังนายฮวน คาร์ลอส ซาลาซาร์ (Mr. Juan Carlos Salazar) เลขาธิการองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) และคณะ เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เข้าร่วมด้วย

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับเลขาธิการองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกภายหลังเข้ารับตำแหน่ง โดยไทยถือเป็นสมาชิกแรกเริ่ม และเป็นที่ตั้งของสำนักงานภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกของ ICAO ซึ่งรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนสำนักงานฯ และดำเนินงานร่วมกับ ICAO อย่างสม่ำเสมอ ด้วยรัฐบาลเห็นถึงความสำคัญด้านการบินพลเรือนมาโดยตลอด จึงได้เร่งพัฒนาศักยภาพการบินในด้านต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินของประเทศไปสู่ความยั่งยืน และเป็นไปตามมาตรฐานสากลของ ICAO

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณ ICAO ที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุน ให้คำแนะนำ และประสานงานอย่างดี ส่งผลให้ไทยสามารถปลดธงแดงได้สำเร็จเมื่อปี 2560 เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยสู่มาตรฐานสากล พร้อมเน้นย้ำว่า ไทยยังคงมุ่งมั่นพัฒนาด้านการบินอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองการเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมการบิน และมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านการบินของภูมิภาค

เลขาธิการองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทย ที่ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานฯ อย่างเต็มที่ ตั้งแต่ย้ายมาทำการกรุงเทพฯ เมื่อปี 2498 โดยเลขาธิการ ICAO เห็นว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีความสำคัญในระดับโลก มีมูลค่าการค้าและการท่องเที่ยวสูงในช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 พร้อมทั้งขอบคุณที่ได้มีการปรับปรุงซ่อมแซมของอาคารสำนักฯ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เป็นอย่างดี

พร้อมกันนี้ ได้กล่าวชื่นชมความก้าวหน้าและความสำเร็จของไทยในการแก้ปัญหาด้านการบินพลเรือนจนสามารถยกระดับสู่มาตรฐานสากลได้ในปี 2562 ทั้งนี้ ICAO ยินดีและพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการพัฒนาด้านการบินพลเรือนต่อไป

โดยทั้งสองเห็นพ้องกันว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมการบินเป็นอย่างมาก โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายควรเพิ่มพูนความร่วมมือกันมากขึ้นในสถานการณ์ดังกล่าว พร้อมขอบคุณคณะทำงาน ICAO Council’s Aviation Recovery Task Force (CART) ที่ได้จัดทำเอกสารแนะนำขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือประเทศสมาชิก ซึ่งไทยได้นำมาใช้อ้างอิงในการดำเนินงาน โดยได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสำนักงานฯ และภาคส่วนด้านการบิน

นอกจากนี้ ทั้งสองได้หารือร่วมกันเกี่ยวกับความร่วมมือที่สำคัญระหว่างกัน โดยไทยกับ ICAO มีความร่วมมือระหว่างกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความร่วมมือในการฝึกอบรมบุคลากร ซึ่งเป็นส่วนที่ไทยให้ความสำคัญ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะมีความร่วมมือระหว่างกันมากขึ้น เพื่อพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมการบินของไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค (Aviation Hub) ซึ่งไทยได้เตรียมความพร้อมในด้านอื่น ๆ ร่วมด้วยแล้ว พร้อมขอให้ ICAO พิจารณาให้ไทยมีบทบาทในขั้นตอนกระบวนการพิจารณาร่างมาตรฐานและข้อแนะนำ (Standards and Recommended Practices) มากขึ้น โดยมีส่วนร่วมหรือเป็นผู้แทนในคณะ ICAO Air Navigation Commission (ANC) ในอนาคต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมศักยภาพของไทย เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 เม.ย. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top