ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ไวรัสสายพันธุ์ย่อย BA.2 ของโอมิครอนได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในสหรัฐตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคิดเป็นสัดส่วนราว 72% ของผลการตรวจหาเชื้อที่มีการตรวจหาสายพันธุ์ทั้งหมด
นายอาลี ม็อกแดด นักระบาดวิทยาของสถาบันการวัดและประเมินสุขภาพในวอชิงตัน คาดว่าสายพันธุ์ย่อย BA.2 จะเข้ามาแทนที่โอมิครอนสายพันธุ์ BA.1 หรือสายพันธุ์หลักภายในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานโดยอ้างข้อมูลจากหน่วยงานสาธารณสุขของอังกฤษและเดนมาร์ก ซึ่งระบุว่า สายพันธุ์ย่อย BA.2 แพร่ระบาดได้เร็วกว่าโอมิครอนสายพันธุ์หลักราว 30-80%
แพทย์หญิงมาเรีย ฟาน เคิร์กโฮฟ หัวหน้าแผนกโรคโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า สายพันธุ์ BA.2 เป็นสายพันธุ์ย่อยที่แพร่กระจายได้ง่ายที่สุดในปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในประเทศยุโรปหลายแห่ง เช่น อังกฤษและเยอรมนี
อย่างไรก็ดี สำหรับในสหรัฐแล้ว นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำทำเนียบขาวได้ออกมาให้ความเห็นว่า สหรัฐอาจมียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นบ้าง แต่คาดว่าจะไม่เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ในขณะที่นายม็อกแดดระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐจะเริ่มคงที่ภายใน 1-2 สัปดาห์ จากนั้นจะปรับตัวลดลงจนกระทั่งถึงฤดูหนาว
อนึ่ง ข้อมูลวิจัยจากแอฟริกาใต้และกาตาร์บ่งชี้ว่า สายพันธุ์ย่อย BA.2 ไม่ได้ก่อให้เกิดอาการป่วยที่รุนแรงกว่าโอมิครอนสายพันธุ์หลัก และวัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพในการป้องกันสายพันธุ์นี้ในระดับเดียวกับสายพันธุ์หลัก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 เม.ย. 65)
Tags: CDC, COVID-19, มาเรีย ฟาน เคิร์กโฮฟ, สหรัฐ, อาลี ม็อกแดด, โควิด-19, โอมิครอน