นายจุติพันธุ์ มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ที.เค.เอส.เทคโนโลยี (TKS) เปิดเผยว่า บริษัทมีความสนใจในการเข้าซื้อและควบรวมกิจการใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติม เพื่อต่อยอดธุรกิจและสร้างการเติบโตมากขึ้นในอนาคต ซึ่งได้มีการศึกษาการลงทุนใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเสริมธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยจะพิจารณาถึงศักยภาพของดีลที่ให้ความสนใจเป็นสิ่งสำคัญ พร้อมเปิดกว้างหากจะมีพันธมิตรเข้ามาช่วยสร้างเสริมศักยภาพที่ดีให้กับบริษัท
สำหรับการจัดตั้งบริษัท เน็กซ์ เวนเจอร์ส จำกัด ขึ้นมานั้น คาดว่าจะเห็นการเข้าไปลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพหรือธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัล รวมการลงทุนในสตาร์ทอัพ เน้นไปที่ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจสายเทคโนโลยี Blockchain และการทำ Digital Transformation เข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งที่ผ่านก็จะเห็นว่าได้มีการปิดดีลไปแล้วบางราย และปัจจุบันยังมีดีลที่อยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจาอยู่อีกราว 2-3 ดีล ซึ่งจะทยอยเห็นความชัดเจนออกมาอย่างต่อเนื่องภายในปีนี้
ที่ผ่านมา TKS ได้ร่วมมือกับพันธมิตรทั้ง บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) ซึ่งมีอีโคซิสเต็มขนาดใหญ่ และเป็น Fintech หนุนโอกาสการเติบโตร่วมกัน รวมไปถึงการได้เข้าไปลงทุนในกองทุน SeaX Ventures กองทุนสัญชาติไทยบริหารโดย RISE ที่เน้นการลงทุนในสตาร์ทอัพทั่วโลกที่มีเทคโนโลยีชั้นสูง (Deep Technology) ใน 6 ด้าน ได้แก่ Blockchain, Foodtech, Biotech & Life Science, Artificial Intelligence, Robotics และ IoT & Hardware ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการพลิกโฉมปรับรูปแบบธุรกิจใหม่ โดยการทรานส์ฟอร์มธุรกิจจาก Security Solution ไปเป็น Tech Ecosystem Builder เพื่อเดินหน้าสู่โลกดิจิทัล
ปัจจุบัน TKS ลงทุนใน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจผู้ให้บริการสิ่งพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงและบริหารคลังสินค้า (Security & Fullfillment Solution) ผ่านการลงทุนในบริษัท ที.เค.เอส. สยามเพรส แมเนจเม้นท์ จำกัด 2.ธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทสินค้าเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และระบบสารสนเทศ (IT Ecosytem) ผ่านการลงทุนในบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX 3. ธุรกิจผู้ให้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านวิธีอิเล็กทรอนิกส์หลายรูปแบบ (Fintech Ecosystem) ผ่านการลงทุนใน SABUY และ TBSP และ 4.ธุรกิจผู้ให้บริการดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) ผ่านการลงทุนในบริษัท โกไฟว์ จำกัด (Gofive)
นายจุติพันธ์ ยังกล่าวถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/65 ว่า ประมาณการยอดขายเมื่อเทียบกับช่วงปลายปีที่ผ่านมามีทิศทางฟื้นตัวจากกลุ่มธุรกิจสิ่งพิมพ์ป้องกันการปลอมแปลงและงานพิมพ์ดิจิทัล ในแง่ความสามารถในการทำกำไรทั้งอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีก่อน จากผลของการปรับโครงสร้างธุรกิจและการควบคุมต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยอดขายเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คาดว่าจะลดลงจากยอดขายกลุ่มธุรกิจบัตรพลาสติกที่ทางกลุ่ม TKS ได้ขายออกไปในไตรมาสที่ 3/64 พร้อมโฟกัสธุรกิจที่เป็นโอกาสและเทรนด์อนาคต
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/65 คาดว่าจะยังเห็นการเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/65 เพราะเครื่องจักรที่บริษัทสั่งผลิตใหม่จะติดตั้งแล้วเสร็จ ทำให้มีกำลังการผลิตในส่วนของ Label เพิ่มขึ้น บริษัทสามารถรองรับงานใหม่ที่จะเข้ามาโดยเฉพาะงานในกลุ่ม Security Label เช่น ฉลากที่ป้องกันการปลอมแปลงสินค้าได้เพิ่มมากขึ้น และเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนต่อภาพรวมของผลการดำเนินงานในปีนี้ด้วยเช่นกัน
ส่วนงานพิมพ์บัตรเลือกตั้งนั้นในปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างติดตามข่าวสาร หากได้ความชัดเจนจะรีบแจ้งให้ทราบโดยทันที ซึ่งเป็นหนึ่งในโอกาสที่จะเข้ามาสนับสนุนรายได้ให้กับบริษัท และเป้าหมายในปี 65 บริษัทวางเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน โดยมาจากปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้การรับรู้รายได้ต่างๆมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป้าหมายการเติบโตดังกล่าวยังไม่ถูกนับรวมกับงานบัตรเลือกตั้ง และยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ให้ไม่ต่ำกว่า 25%
นอกจากนี้บริษัทได้วางงบลงทุนในปี 65 ไว้ที่ 400 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินลงทุนของบมจ.ทีบีเอสพี (TBSP) ราว 100 ล้านบาท แลเงินลงทุนใน บริษัท เน็กซ์ เวนเจอร์ส จำกัด เพื่อดำเนินกิจกรรมการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพหรือธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัล การลงทุนในบริษัทที่เป็นสตาร์ทอัพ เพื่อบรรลุกลยุทธ์ของบริษัทและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนราว 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 200 ล้านบาท จะทยอยลงทุนในการปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มเครื่องจักรและขยายคลังสินค้าให้มีพื้นที่เพิ่มมากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 เม.ย. 65)
Tags: TKS, จุติพันธุ์ มงคลสุธี, ที.เค.เอส.เทคโนโลยี, หุ้นไทย