นายปิติ จารุกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ในเครือบมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้ายอดขายโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ใน 2 จังหวัด ในชลบุรี และระยองที่ 4.8 พันล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนยอดขายเกือบ 15% ของเป้าหมายยอดขายรวมของ ORI ที่ตั้งไว้ 3.5 หมื่นล้านบาท
โดยที่ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาถือว่าทำยอดขายไปได้ดีและเป็นที่พอใจของบริษัท จากกำลังซื้อของคนในพื้นที่ EEC ที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน หลังจากที่ภาวะเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลบวกต่อภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกของประเทศ ทำให้คนที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมกลับมาทำงาน มีรายได้เข้ามามากขึ้น และมีความมั่นใจที่จะตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยใกล้กับที่ทำงาน ประกอบกับกลุ่มนักลงทุนเริ่มกลับมามองหาการางทุนในพื้นที่ EEC อีกครั้ง หลังจากเริ่มมีความชัดเจนในการเดินหน้าการลงทุนโครงการของภาครัฐ ทำให้เป็นปัจจัยหนุนต่อการขายที่อยู่อาศัยของบริษัทในพื้นที่ EEC
บริษัทเปิดโครงการใหม่ในพื้นที่ EEC ไปแล้ว 1 โครงการในช่วงต้นปี 65 ได้แก่ โครงการ Brixton Campus บางแสน มูลค่า 460 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่เข้ามาซื้อและปิดการขายไปแล้ว 100% และเตรียมเปิดขาย Brixton ระยอง มูลค่า 810 ล้านบาท ในวันที่ 2 เม.ย.นี้ พร้อมกับจะมีการเปิดโครงการ KnighsBridge Space ระยอง มูลค่า 1.6 พันล้านบาท ในไตรมาส 2/65 ด้วยเช่นกัน
ส่วนในไตรมาส 3/65 จะเปิดตัวโครงการ Hampton Executive ศรีราชา มูลค่า 1.2 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับบมจ.ดุสิตธานี (DUSIT) และในไตรมาส 4/65 จะเปิดโครงการ Brompton ระยอง มูลค่ล 650 ล้านบาท รวมทั้งหมด 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5 พันล้านบาท
การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทในปี 65 บริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใน EEC เพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่งของบริษัทในฐานะผู้นำที่อยู่อาศัยครบวงจรในภาคตะวันออก อีกทั้งปัจจุบัน โครงการขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจกต์ในพื้นที่ EEC ยังคงมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฟสที่ 2 ของการพัฒนา EEC ระหว่างปี 65-69 คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ดอีอีซี) ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 โครงการขนส่งทางราง และคาดการณ์ว่าจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่พื้นที่ได้มากกว่า 2.2 ล้านล้านบาท บริษัทจึงเชื่อมั่นว่า การเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนในธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ จะผลักดันความต้องการที่อยู่อาศัยภายในพื้นที่ให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญด้วย
สำหรับโครงการที่จะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในด้านยอดโอนที่อยู่ใน EEC ของบริษัทในปีนี้จะอยู่ไนพื้นที่ ORIGIN Smart City ระยอง ซึ่งจะเป็นโครงการ NOTTING HILL ระยอง ที่ปัจจุบันขายไปแล้ว 80% โดยเริ่มทยอยโอนไปแล้วบางส่วน ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเป็นโครงการหลักที่สร้างรายได้ในพื้นที่ EEC ให้กับบริษัทในปีนี้ และยังมีขายต่อเนื่องโครงการ KENSINGTON ระยอง ที่เป็นโครงการแรกพร้อมอยู่ ปัจจุบันเหลือขาย 30% ราคาขายเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท ที่จะเป็นอีก 1 โครงการในพื้นที่ EEC ที่เข้ามาเสริมรายได้
บริษัทยังคงมองหาพื้นที่ในจังหวัดใหม่ในการพัฒนาโครงการใน EEC เพิ่มเติมจากชลบุรี และระยอง ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งทำเลที่สำคัญในการสร้างโอกาสการพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ EEC โดยที่แผนการเปิดโครงการใหม่ในปี 65 ของบริษัทที่วางไว้ และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาภายใต้บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ได้มีการใช้ที่ดินใน EEC ไปแล้วกว่า 90% ของที่ดินที่มีอยู่ ทำให้บริษัท
“การขับเคลื่อนการพัฒนาโครงการในพื้นที่ EEC เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญในการขับเคลื่อนการสร้างมูลค่าสินทรัพย์ของริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ภายใน 5 ปี (ปี 65-69) ให้เพิ่มขึ้นแตะ 4 หมื่นล้านบาท และรองรับการเติบโตในอนาคตหลังจากที่บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ญ โดยคาดว่าบริษัท วัน ออริจิ้น จำกัดจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในไตรมาส 4/65 ตามแผนที่บริษัทแม่ ORI ได้ประกาศไว้”
นายปิติ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 มี.ค. 65)
Tags: ORI, ปิติ จารุกำจร, วัน ออริจิ้น, หุ้นไทย, ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, ออริจิ้น อีอีซี