บทวิเคราะห์ของ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า ดีลที่ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) จะเข้าซื้อหุ้น 51% ใน Bitkub เริ่มไม่แน่นอนและมึความท้าทายมากขึ้น หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกเกณฑ์จำกัดไม่ให้สถาบันการเงินลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเกินกว่า 3% ของเงินกองทุนฯ ซึ่งหากดีลล่มอาจจะทำให้หุ้น SCB ถูก de-rate เพราะในปัจจุบันราคาหุ้นมี premium จากหุ้นอื่นในกลุ่มอยู่ 15% โดยราคาเป้าหมายของเราใช้ P/BV แบบมี premium ที่ 1.2x จากการปรับองค์กรใหม่ ซึ่งรวม Bitkub ด้วย
เพื่อเกาะกระแสการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล SCB ได้ตั้งบริษัทลูกขึ้นมาหลายบริษัทเพื่อเจาะธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ อย่างเช่น ICO portal (ธุรกิจ underwriting), ดีลเลอร์ และตลาดกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยในส่วนของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งธนาคาร บริษัทแม่ รวมถึงบริษัทลูกต่าง ๆ จะไม่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรง แต่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจนี้ในเชิงของโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล และเพื่อให้เป็นไปตามแผนระยะยาว SCB Securities (บริษัทลูกของ SCB) ได้เข้าทำสัญญาซื้อหุ้น 51% ของ Bitkub Online (ตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล) ที่ราคา 1.785 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าดีลจะได้ข้อสรุปภายใน Q2/65
ขณะที่กฎเกณฑ์ของทางการไม่เอื้อกับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยธปท. เพิ่งออกเกณฑ์ในการคุมธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลของธนาคารโดยอนุญาตให้ธนาคารลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้ไม่เกิน 3% ของฐานเงินทุนธนาคาร โดยการลงทุนส่วนที่เกิน 3% จะถูกหักออกจากฐานเงินทุน ซึ่งจะทำให้ CAR ของธนาคารลดลง ทั้งนี้ เนื่องจากดีลซื้อ Bitkub มีมูลค่า 1.785 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 4.3% ของฐานเงินทุน SCB (เกินเพดาน 3% ที่ธปท. กำหนด) ดีลนี้จึงทำให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้น
ทั้งนี้ มองว่ามีหลาย scenario สำหรับดีล Bitkub การที่ ธปท. กำหนดเพดานการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลไว้ที่ 3% ของฐานเงินทุนธนาคาร เรามองว่ายังมีความไม่ชัดเจนว่าการลงทุนดังกล่าวหมายถึงเฉพาะการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรงเท่านั้น หรือหมายรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานของสินทรัพย์ดิจิทัลด้วย
ในกรณีเลวร้ายที่สุดที่ดีลซื้อ Bitkub ที่ราคา 1.785 หมื่นล้านบาทนับเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลด้วย (เทียบกับฐานเงินทุนของ SCB ที่ 4.10 แสนล้านบาท) มูลค่าการลงทุนในดีลนี้ส่วนที่เกิน 3% ซึ่งจะถูกหักออกจากฐานเงินทุนของ SCB จะอยู่ที่ประมาณ 5.5 พันล้านบาท ดังนั้น ฐานเงินทุนที่ถูกปรับใหม่หลังดีล Bitkub จะอยู่ที่ประมาณ 4.04 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้ CAR ลดลงไป 25 bps เหลือ 18.17% (จาก 18.42% ก่อนเข้าซื้อ Bitkub) ทั้งนี้ SCB อาจจะพิจารณาปรับลดราคาเข้าซื้อ Bitkub หรือยกเลิกดีลนี้ไปเลยก็ได้
ทั้งนี้ เมื่อประกอบกับความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมหภาคจากความไม่แน่นอนของปัจจัยภายนอก ถึงแม้เราจะยังคงคำแนะนำซื้อ SCB แต่เราแนะนำให้ซื้อเมื่อราคาย่อลงมาก่อน
แต่ในด้านของ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ยังแนะ”ถือ” SCB ให้ราคาพื้นฐาน 132.00 บาท โดยคาดว่า SCN จะซื้อ Bitkup ต่อได้ แม้มีเกณฑ์ใหม่ของ ธปท.มีข้อจำกัดในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล (DA) ไม่ให้เกิน 3% ของเงินกองทุน จึงทำให้มีการศึกษาเรื่องผลกระทบเงินกองทุนของธนาคารว่าจะกระทบเพียงใด และยังอยู่ในเกณฑ์หรือไม่ และที่สำคัญคือ ยังจะลงทุนต่อใน Bitkup ได้หรือไม่ ตามที่ได้วางแผนไว้ก่อนหน้า
ศึกษาส่วนประกอบการลงทุนใน Bitkup จะประกอบด้วน มูลค่าทางบัญชี และส่วนค่านิยม (Goodwill) จากผลการศึกษาเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (CET) ยังเป็นไปตามเกณฑ์ หากนำค่านิยมของ Bitkup ไปหักออกจากเงินกองทุนขั้นที่ 1 พบว่า CET1/Teir 1 จะลดลงเล็กน้อยจากระดับปกติที่ 17.60% และถือว่าสูงกว่าสัดส่วนขั้นต่ำที่ ธปท.กำหนดไว้ที่ 8.00% อยู่มาก ประเด็นนี้จึงผ่านไปได้
สำหรับเกณฑ์การลงทุน DA ไม่ให้เกิน 3% ของเงินกองทุนก็ผ่าน เนื่องจากเมื่อนำมูลค่าทางบัญชีของ Bitkup ข้างต้นมาเทียบกับเงินกองทุนทั้งหมดที่ราว 4.2 แสนล้านบาท ก็จะมีสัดส่วนที่ยังไม่เกิน 3% จึงคาดว่าจะไม่กระทบต่อแผนการลงทุน และไม่กระทบต่อราคาหุ้น SCB
ขณะที่ราคาหุ้น SCB ณ เวลา 10.13 น.อยู่ที่ 113.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวานนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 มี.ค. 65)
Tags: Bitkub, Cryptocurrency, SCB, คริปโทเคอร์เรนซี, ธนาคารไทยพาณิชย์, สินทรัพย์ดิจิทัล, เคจีไอ