นางกอบบุญ ศรีชัย เลขานุการบริษัทและหัวหน้าฝ่ายงานนักลงทุนสัมพันธ์และตลาดทุน บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 65 โตขึ้น 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ราว 5.17 แสนล้านบาท แต่ยอมรับว่าการดำเนินธุรกิจในปีนี้ยังมีความท้าทายค่อนข้างมาก โดยเฉพาะราคาขายเนื้อสัตว์ที่ลดลงมาอย่างต่อเนื่องมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปีก่อน ซึ่งเห็นได้ชัดจากราคาหมู หลังจากประเทศจีนใช้มาตรการล็อกดาวน์ และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ดีมานด์การบริโภคหมูลดลง จึงส่งผลกระทบต่อราคาขาย
ขณะเดียวกัน ราคาไก่แม้ว่าจะอยู่ในระดับที่ดี และปรับเพิ่มขึ้นมามาก แต่ราคาในจีนยังคงทรงตัวและไม่มีแนวโน้มการปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจีนถือเป็นตลาดใหญ่ ทำให้มีความท้าทายในส่วนของยอดขาย โดยที่มองว่าจะส่งผลต่อภาพรวมของรายได้ในไตรมาส 1/65 ที่อาจมีแนวโน้มชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนราคาต้นทุนอาหารสัตว์ในปัจจุบันถือว่าปรับเพิ่มขึ้นสูงค่อนข้างมาก หลังเกิดสงครามระหว่างรัสเซียและยุเครน ซึ่งเป็นประเทศที่ซัพพลายวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สำคัญ ทำให้ปัจจัยด้านต้นทุนอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรขั้นต้นองบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งบริษัทยังคงมองหาแนวทางการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นให้ไม่ต่ำกว่า 17% พร้อมกับจะมีการปรับเพิ่มราคาส่งออกเนื้อสัตว์ในช่วงไตรมาส 2/65 เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าสถานการณ์ราคาขายเนื้อสัตว์และต้นทุนอาหารสัตว์จะเริ่มเข้าสู่จุดสมดุลในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากที่เศรษฐกิจในแต่ละประเทศมีการเติบโตขึ้น และกลับมาเปิดประเทศมากขึ้น รวมถึงสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนมีโอกาสจบลงได้ ทำให้ปัญหาด้านซัพพลายวัตถุดิบและความกังวลด้านภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวคลี่คลายลง
ด้านงบลทุนของบริษัทในปี 65 ตั้งไว้ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท โดยจะใช้งบลงทุนราว 6-7 พันล้านบาทไปปรับปรุงเครื่องจักรในการผลิตให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และขยายกำลังการผลิตบางโรงงาน ส่วนงบลงทุนที่เหลือจะนำมารองรับการลงทุนด้านอื่นๆ ของบริษัท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 มี.ค. 65)
Tags: CPF, กอบบุญ ศรีชัย, หุ้นไทย, เจริญโภคภัณฑ์อาหาร