เมื่อบ่ายวันจันทร์ที่ผ่านมา (21 มี.ค.) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เกิดเหตุเครื่องบินของสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส รุ่นโบอิ้ง 737-800 ตกในลักษณะดิ่งหัวปักพื้น จนเกิดไฟลุกไหม้บริเวณภูเขาในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง หมู่บ้านโม่ล่าง อำเภอเถิงเซี่ยน เมืองอู๋โจว ทางภาคใต้ของจีน โดยทางการได้ส่งทีมหน่วยกู้ภัยเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ ขณะที่ยังไม่ทราบชะตากรรมของผู้โดยสาร
หลายคนเห็นข่าวนี้แล้วก็คงจำได้ว่าก่อนที่โลกจะเจอกับโรคโควิด-19 ระบาดนั้น ก็เคยมีเหตุเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max ของสายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ตกเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2562 ส่งผลให้ผู้โดยสารทั้งหมด 157 รายเสียชีวิต และในช่วง 5 เดือนก่อนหน้ากรณีของเอธิโอเปีย ก็มีเครื่องบินรุ่นเดียวกันนี้ของสายการบินไลอ้อนแอร์ตกในอินโดนีเซียซึ่งคร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 189 ราย
ส่วนเครื่องบินตกครั้งล่าสุดนี้ อะไรเป็นสาเหตุกันแน่ วันนี้ In Focus จะขอพาท่านไปรับรู้เรื่องราวโศกนาฏกรรมทางอากาศครั้งรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 10 ปีของจีน
21 มี.ค. – คลิปเที่ยวบินมรณะและปฏิกิริยาจากหลายฝ่าย
วันที่ 21 มี.ค. หลังซินหัวรายงานข่าวเหตุการณ์เครื่องบินตกได้ 1 ชั่วโมง สำนักงานการบินพลเรือนของจีน (CACC) ยืนยันว่า เครื่องบินลำดังกล่าวตกในหุบเขาใกล้กับเมืองอู๋โจว โดยมีผู้โดยสารบนเครื่อง 123 คน และลูกเรืออีก 9 คน ซึ่งเที่ยวบิน MU5735 ดังกล่าวเดินทางออกจากเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน เมื่อเวลา 13.11 น.ตามเวลาท้องถิ่น และมีกำหนดเดินทางถึงเมืองกวางโจว มณฑลกวางตุ้งในเวลา 14.52 น. แต่ประสบอุบัติเหตุตกก่อนเดินทางถึงจุดหมาย
ชาวบ้านในหมู่บ้านได้เดินทางถึงจุดเกิดเหตุในป่าเป็นกลุ่มแรก โดยพบไฟลุกไหม้เครื่องบินขนาดใหญ่จนสามารถเห็นได้จากภาพถ่ายดาวเทียมขององค์การนาซา จากนั้นทีมกู้ภัยนับร้อยจากกว่างซีและมณฑลกวางตุ้งจึงตามไปสมทบอย่างรวดเร็ว
คลิปวิดีโอภาพจากกล้องวงจรปิดที่ถ่ายโดยบริษัทเหมืองแร่ในพื้นที่ได้ปรากฏทั่วโซเชียลมีเดีย โดยแสดงให้เห็นช่วงเวลาสุดท้ายของเที่ยวบิน MU5735 ที่ดิ่งพสุธาเหมือนดินสอร่วงปักพื้น ขณะที่อีกคลิปที่ถ่ายโดยชาวบ้านในละแวกนั้นแสดงให้เห็นภาพกลุ่มควันพวยพุ่งจากพื้นที่ป่าบนภูเขา ส่วนอีกคลิปหนึ่งแสดงภาพที่น่าจะเป็นซากของเครื่องบินบนพื้นดิน ด้านสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของรัฐบาลจีนรายงานว่า เจ้าหน้าที่สามารถดับไฟที่เกิดจากเครื่องบินตกได้แล้ว
ต่อมา สายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์สได้แถลงยืนยันเหตุการณ์เครื่องบินตกและจำนวนผู้โดยสารบนเครื่อง นอกจากนี้ ทางสายการบินยังได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังจุดที่เกิดเครื่องบินตก และได้เปิดฮอตไลน์สายด่วนเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ครอบครัวของผู้โดยสารบนเครื่อง รวมทั้งยังได้เปลี่ยนสีบนเว็บไซต์เป็นสีขาว-ดำเพื่อแสดงความอาลัยต่อผู้ประสบภัยด้วย
บริษัทโบอิ้ง ไชน่าเปิดเผยว่า กำลังประสานงานและจะให้การสนับสนุนสายการบินดังกล่าว โดยทางบริษัทกำลังติดต่อกับคณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติสหรัฐ (NTSB) และผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคของบริษัทพร้อมที่จะช่วยเหลือ CACC ในการสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว ส่วนผู้ถือหุ้นโบอิ้งตอบสนองต่อข่าวนี้ด้วยการเทขายหุ้นจนราคาร่วงทันที 8% ก่อนตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดทำการในวันที่ 21 มี.ค.
ด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้ พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่จีนเร่งค้นหาเครื่องบินลำดังกล่าวอย่างสุดความสามารถและเร่งหาสาเหตุการตกของเที่ยวบิน MU5735 ตลอดจนสั่งการให้หน่วยงานด้านการบินของจีนเพิ่มประสิทธิภาพในการปรับปรุงความปลอดภัยของอุตสาหกรรมการบินพลเรือน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า อุตสาหกรรมการบินและชีวิตของประชาชนจะมีความปลอดภัย
ในช่วงค่ำ บรรดาญาติพี่น้องของผู้โดยสารในเที่ยวบิน MU5735 ต่างมารอฟังข่าวที่สนามบินนานาชาติกวางโจว ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง หญิงรายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่าเธอได้จองที่นั่งเที่ยวบินดังกล่าว แต่เกิดเหตุให้ต้องเปลี่ยนมาขึ้นเที่ยวบินก่อนหน้านั้นแทน ส่วนน้องสาวของเธอและเพื่อนอีก 4 คนอยู่บนเที่ยวบินที่ตก
“ดิฉันรู้สึกแย่มาก” เธอกล่าว
22 มี.ค. – หน่วยกู้ภัยพบสิ่งของแต่ไม่พบผู้รอดชีวิต ปชช.แห่ยกเลิกเที่ยวบินในจีน
ต่อมา วันที่ 22 มี.ค. เจ้าหน้าที่กู้ภัยของจีนเร่งลงพื้นที่ตรงจุดเกิดเหตุ พบเศษซากไหม้ของชิ้นส่วนเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 กระจัดกระจายทั่วป่าบริเวณไหล่เขา ตลอดจนบัตรประจำตัวประชาชน, บัตรธนาคาร และกระเป๋าสตางค์เปื้อนโคลน ทว่าไม่พบผู้รอดชีวิตแต่อย่างใด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สภาพภูมิประเทศที่สูงชัน ขรุขระ และซากปรักหักพังที่กระจายอยู่เต็มพื้นที่ ทำให้การค้นหากล่องดำที่บันทึกข้อมูลการบินและกล่องดำที่บันทึกเสียงในห้องนักบินนั้นเป็นเรื่องยาก ซึ่งจำเป็นต้องใช้ทั้งโดรนและกำลังคนในการค้นหา โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยกล่าวว่า เหตุเครื่องบินตกได้ทิ้งรอยเป็นหลุมลึกในบริเวณเชิงเขา
ทั้งนี้ เหตุสะเทือนขวัญดังกล่าวส่งผลให้ในวันที่ 22 มี.ค. มีเที่ยวบินประมาณ 74% จากทั้งหมด 11,800 เที่ยวในจีนถูกยกเลิกไปแล้วตามข้อมูลจากเว็บไซต์ VariFlight รวมถึงเที่ยวบินส่วนใหญ่ระหว่างปักกิ่งกับเซี่ยงไฮ้ ทั้งที่โดยปกติแล้วจะเป็นเส้นทางภายในประเทศที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวอี้ฉายรายงานว่า สายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส จะระงับเที่ยวบินโดยสารของเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.เป็นต้นไป
เครื่องบินตกเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่
จนถึงขณะนี้สาเหตุก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด โดยข้อมูลจาก Flightradar24 บ่งชี้ว่า เครื่องบินดิ่งลงด้วยความเร็วเกือบเท่าเสียงที่ 640 ไมล์ ต่อชั่วโมง และบางขณะอาจเร็วกว่า 700 ไมล์ต่อชั่วโมง ก่อนที่จะร่วงลงกระแทกพื้นหุบเขาใกล้กับเมืองอู๋โจว
การตกในลักษณะดังกล่าวอาจทำให้ปฏิบัติการตรวจสอบมีความซับซ้อน เพราะอาจจะทำลายหลักฐานต่าง ๆ และทำลายข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการบิน รวมทั้งกล่องบันทึกเสียงที่ถูกออกแบบมาเพื่อทนต่อแรงกระแทก
ข้อมูลจาก Flightradar24 ระบุว่า เที่ยวบิน MU5735 ของสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส บินที่ระดับความสูง 29,000 ฟุต และอยู่ห่างประมาณ 100 ไมล์จากจุดหมายปลายทาง ซึ่งเป็นจุดที่นักบินจะเริ่มลดเพดานบินเพื่อเตรียมลงจอด
แต่แทนที่จะค่อย ๆ ปรับลดเพดานบินลงประมาณ 1,000 ฟุตต่อนาที เครื่องบินกลับปักหัวลง และจากนั้นก็เริ่มดิ่งลงกะทันหันเมื่อเวลา 14:20:59 น. ตามเวลาท้องถิ่นด้วยความเร็วกว่า 30,000 ฟุตต่อนาทีภายในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งมีแนวโน้มจะเหวี่ยงให้สิ่งของและผู้โดยสารที่ไม่ได้คาดเข็มขัดลอยกระแทกกับเพดานเครื่องอย่างรุนแรง
หลังจากนั้นประมาณ 45 วินาที เครื่องบินก็ร่วงลงในอัตราชันน้อยลงและไต่ระดับขึ้นไปมากกว่า 1,000 ฟุต จาก 7,425 ฟุต เป็น 8,600 ฟุต อยู่เป็นเวลาประมาณ 10 วินาที และคราวนี้เมื่อเครื่องบินเชิดหัวขึ้น ก็จะเกิดแรงโน้มถ่วงมหาศาลกดให้ผู้โดยสารที่ลอยกระแทกเพดานเมื่อครู่ ร่วงกลับมาติดอยู่กับที่นั่งอีกครั้ง
หลังจากเครื่องบินเชิดขึ้นอยู่ชั่วครู่ก็กลับมาร่วงอีกครั้งที่ความเร็วประมาณ 31,000 ฟุตต่อนาที จนเมื่อผ่านไป 1 นาที 35 วินาที ก็มาอยู่ที่ระดับความสูง 3,225 ฟุต ณ เวลา 14:22:36 น. จากนั้นข้อมูลการบินก็ขาดหายไป
ด้าน CACC แถลงต่อสื่อมวลชนว่า เจ้าหน้าที่หอควบคุมการบินได้พยายามหลายครั้งที่จะติดต่อกับเที่ยวบิน MU5735 ของไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส หลังจากพบว่าเครื่องบินเริ่มปักหัวลง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับ
นายเจฟฟ์ กัซเซตติ อดีตหัวหน้าฝ่ายตรวจสอบอุบัติเหตุประจำสำนักงานการบินของรัฐบาลสหรัฐกล่าวว่า นี่เป็นเหตุการณ์ที่ผิดปกติ เส้นทางบินที่ค่อนข้างตรงของเครื่องบินลำนี้ ประกอบกับช่องสัญญาณสื่อสาร (transponder) ของเครื่องบินก็ยังเปิดทำงานอยู่ในระหว่างเกิดเหตุนั้น เป็นการบ่งชี้ว่าการทำงานของเครื่องบินไม่ได้หยุดชะงักเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในกรณีที่มีการวางระเบิดบนเครื่องบินด้วยฝีมือของกลุ่มก่อการร้าย
ขณะที่เจมส์ แคช อดีตหัวหน้าฝ่ายให้คำปรึกษาด้านเทคนิคของ NTSB กล่าวว่า “กล่องดำรุ่นใหม่ซึ่งบันทึกข้อมูลการบินและเก็บข้อมูลบนชิปคอมพิวเตอร์นั้น เป็นอุปกรณ์ชั้นดีที่สามารถบันทึกการตกของเครื่องบินแบบดิ่งปักหัวด้วยความเร็วสูง นี่เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ควรจะหาให้เจอ”
“แม้ว่าแผงวงจรซึ่งเก็บข้อมูลมักจะหลุดออกมาเมื่อเกิดอุบัติเหตุ แต่ข้อมูลจะยังสามารถกู้ได้แม้ว่าเครื่องได้รับความเสียหายก็ตาม อุปกรณ์ตัวนี้อาจจะตกอยู่ที่ไหนสักแห่ง และผมคาดหวังว่ามันจะยังอยู่ในสภาพที่ดี” แคชกล่าว
ด้าน NTSB ระบุว่า เหตุการณ์เครื่องบินตกครั้งนี้มีความคล้ายกับเมื่อครั้งที่เครื่องบินโบอิ้ง 737-300 ของสายการบินซิลค์แอร์พร้อมด้วยผู้โดยสาร 104 คน ประสบอุบัติเหตุดิ่งลงสู่แม่น้ำในอินโดนีเซีย ส่งผลให้ผู้โดยสารเสียชีวิตทั้งหมด โดยเครื่องบินลำดังกล่าวดิ่งลงด้วยความเร็วกว่า 38,000 ฟุตต่อนาที
ด้านนายซัน จีหยิง เจ้าหน้าที่ของไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส ยืนยันว่า เครื่องบินโบอิ้งลำนี้ได้รับหนังสือรับรองความสมควรเดินอากาศ (Airworthiness Directive) ก่อนที่จะขึ้นบิน และสภาพทางเทคนิคอยู่ในขั้นมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ ลูกเรือทั้ง 9 คนล้วนมีประสบการณ์และมีสุขภาพที่ดี
อย่างไรก็ดี นายเบนจามิน เบอร์แมน อดีตผู้ตรวจสอบของ NTSB ซึ่งเคยมีประสบการณ์ขับเครื่องบินโบอิ้ง 737 กล่าวว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า อะไรคือสาเหตุที่นำไปสู่การตกของสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส พร้อมระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดจากสาเหตุหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงการทำงานที่ผิดปกติของเครื่องบิน หรืออาจเป็นความผิดพลาดของนักบิน หรืออาจจะหลายกรณีรวมกัน แต่เหตุการณ์เหล่านี้ก็เป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้น
ณ เวลาที่เขียนขณะนี้ ก็ยังไม่มีรายงานว่าพบผู้รอดชีวิตที่อยู่ในเครื่องบินรุ่นโบอิ้ง 737-800 เที่ยวบิน MU5735 ของสายการบินไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์สแต่อย่างใด เราขอเป็นกำลังใจให้หน่วยกู้ภัยค้นหาผู้โดยสารและกล่องดำให้พบโดยเร็วที่สุด เพื่อสืบสวนหาสาเหตุและถอดบทเรียน รวมไปถึงเพื่อป้องกันไม่ให้โศกนาฎกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นอีก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มี.ค. 65)
Tags: CACC, Flightradar24, MU5735, จีน, สายการบิน, สำนักงานการบินพลเรือนของจีน, สี จิ้นผิง, เครื่องบินตก, โบอิ้ง, โบอิ้ง ไชน่า