นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ หนึ่งผู้ก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย ระบุว่า ตั้งเป้าส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งทั่วไปครบทั้ง 400 เขตทั่วประเทศ โดยขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมในการคัดเลือกตัวผู้สมัครได้แล้ว 50%
“เราตั้งเป้าส่งครบทั้ง 400 เขต เพื่อเก็บคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ด้วย แต่ขึ้นอยู่กับการคัดเลือกตัวผู้สมัคร จะผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้หรือไม่” นายสนธิรัตน์ กล่าว
พร้อมระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญและจะมีการแข่งขันกันมาก โดยพรรคเน้นคนรุ่นใหม่เป็นทางเลือกให้กับประชาชน เพื่อปรับโครงสร้างการเมือง ซึ่งมีจุดแข็งเรื่องทีมเศรษฐกิจ และมีการเตรียมความพร้อมตลอดเวลา การเลือกตั้งครั้งหน้า ปัญหาเศรษฐกิจจะเป็นประเด็นสำคัญ ดังนั้น พรรคสร้างอนาคตไทย จึงจะทยอยเปิดตัวบุคลากรทางด้านเศรษฐกิจ พร้อมกับนโยบายที่ผ่านการคัดกรองจากบุคลากรที่มีประสบการณ์ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของพรรคสร้างอนาคตไทย เราเน้นเป็นพรรคมืออาชีพ
“แต่ละพรรคคงมีจุดขายของตัวเองที่จะทำให้ประชาชนเลือก ในส่วนของพรรค คือทีมเศรษฐกิจ และไม่เพิ่มความแตกแยกในสังคม…เอาเป็นว่ายุบสภาเมื่อไร เราพร้อมเลือกตั้ง” นายสนธิรัตน์ กล่าว
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคมีแนวความคิดที่จะให้ผู้เกษียณมีรายได้อย่างน้อยเดือนละ 4 พันบาท โดยไม่สร้างภาระให้กับระบบการเงินการคลังของรัฐ เช่น การคืนส่วนแบ่งจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นมาตรการรองรับสังคมผู้สูงอายุ เนื่องจากคนที่มีอายุ 60 ปียังสามารถทำงานได้ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
“โครงการต่างๆ ที่พรรคคิดขึ้นมาจะดูก่อนว่าเอาเงินมาจากไหน เพื่อไม่ให้กระทบระบบการเงินการคลังที่มีความอ่อนแอ” นายสนธิรัตน์ กล่าว
ส่วนคุณสมบัติของแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีที่ต้องมี 3 ประการ คือ 1.เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ 2.มีประวัติการทำงานที่โปร่งใส และ 3.เป็นผู้ที่นานาชาติให้การยอมรับ
นายสนธิรัตน์ ยังให้ความเห็นต่อวิกฤติพลังงานที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจกินระยะเวลาที่ยาวนาน จึงอยากให้รัฐบาลออกมาตรการที่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระประชาชนได้มากกว่านี้ เช่น การกำหนดราคาน้ำมันที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง คือ ต้นทุนราคาน้ำมันดิบกับค่าการกลั่น โดยไม่ต้องไปอิงราคาโรงงานที่สิงคโปร์ เพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องต้นทุนแฝง
แนวทางการแก้ปัญหาในอนาคตที่คิดว่าควรมีการปรับโครงสร้างภาษี เช่น คาร์บอน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกรณีที่ส่งออกไปสหภาพยุโรป, การเพิ่มพลังงานสะอาดจากแสงแดด, การเพิ่มศักยภาพของกองทุนน้ำมันฯ, การปรับแหล่งเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าที่มีสัดส่วน 60% เป็นก๊าซธรรมชาติ ทำให้เกิดปัญหาเมื่อมีราคาสูงขึ้น เป็นต้น
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เนื่องจากวิกฤติพลังงานเป็นสถานการณ์ไม่ปกติ จึงต้องทำงานเชิงรุก โดยต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่าเมื่อถึงจุดไหนที่ประชาชนต้องเข้ามาร่วมแบกรับภาระ เพื่อให้ประชาชนสามารถวางแผนล่วงหน้า ซึ่งเชื่อว่าขณะนี้รัฐบาลมีฐานข้อมูลจากบิ๊กดาต้าที่เพียงพอ
“เราต้องยอมรับความจริง การได้รับความร่วมมือจากประชาชนก็เป็นวิธีการบริหารอย่างหนึ่ง อย่าทำให้การตรึงราคาดีเซลไว้ไม่เกินลิตรละ 30 บาทเป็นตัวเลขการเมืองที่จะปรับเปลี่ยนไม่ได้ อะไรที่กระทบประชาชนต้องทำเร็วและทำก่อน” นายสนธิรัตน์ กล่าว
การแก้ปัญหาคงต้องดำเนินการไปพร้อมกันหลายเรื่อง ได้แก่ การปรับสัดส่วนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า, การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตน้ำมัน, การเพิ่มประสิทธิภาพของกองทุนน้ำมันฯ, การออกมาตรการต่างๆ ต้องตรงกับกลุ่มเป้าหมาย, การส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากแสงแดดที่ประชาชนทุกคนได้ประโยชน์ และสามารถเป็นผู้ค้าพลังงานสะอาดในภูมิภาค
ส่วนปัญหาค่าไฟฟ้านั้นคงส่งผลกระทบต่อเนื่องอย่างน้อย 20 ปี เนื่องจากมีการทำสัญญากับผู้ผลิตไฟฟ้าเอาไว้ เพราะจากเดิมเคยมองว่าก๊าซธรรมชาติราคาถูก แต่ลืมคิดไปว่าเราต้องพึ่งพาการนำเข้า ดังนั้นจึงต้องหาแนวทางที่จะสามารถยืนบนขาตัวเองได้มากกว่านี้
นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่าจะมีการประชุมใหญ่ประจำปีพรรคสร้างอนาคตไทย ในช่วงต้นเดือน เม.ย.นี้ โดยจะมีความชัดเจนในเรื่องของโครงสร้างพรรค ทั้งตำแหน่งต่างๆ พร้อมเปิดตัวบุคลากรใหม่ของพรรค สำหรับโครงสร้างของพรรคสร้างอนาคตไทย จะเป็นการผสมผสานระหว่างนักการเมืองที่มีประสบการณ์ และนักการเมืองหน้าใหม่
ส่วนจะเสนอนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ยังมีเวลา และวันนี้ก็ยังไม่มีใครเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมพรรคก็จะเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ พรรคสร้างอนาคตไทยให้ความสำคัญกับคุณสมบัติของแคนดิเดตนายกฯ มากกว่าตัวบุคคล
เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าอาจจะมีการยุบสภาหลังการประชุมเอเปคนั้น นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี แต่สถานการณ์ขณะนี้ทำให้หลายฝ่ายไม่แน่ใจว่าจะเกิดการยุบสภาขึ้นเมื่อใด แต่เชื่อว่านายกฯ มีความพยายามจะนำพาประเทศไปจนกระทั่งพ้นการประชุมเอเปค พรรคสร้างอนาคตไทยไม่ได้คาดหวังว่าจะเกิดการยุบสภาเมื่อใด แต่เราได้เตรียมการไว้แล้ว ไม่ว่าจะยุบสภาเมื่อได
ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยนั้น นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยก็มียุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ก็เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ทางการเมือง ทุกพรรคพยายามหาจุดขายของตัวเอง
นายสนธิรัตน์ ยังได้กล่าวอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในวันนี้ด้วยว่า ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ มีความเข้มแข็ง ประสบความสำเร็จในการนำพาประเทศผ่านพ้นวิกฤต ในฐานะผู้ที่เคยอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายกฯ ขอเป็นกำลังใจและเอาใจช่วย เพราะนายกฯ ได้แบกภาระของประเทศไว้มาก ขอให้มีสิ่งดีๆ ที่คอยหนุนให้สามารถนำพาประเทศต่อไปได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มี.ค. 65)
Tags: พรรคการเมือง, พรรคสร้างอนาคตไทย, สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, เลือกตั้ง