นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล (JCK) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 มี.ค.65 บริษัทได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงกับ บริษัท ซีพี แอสเซท ไวส์ โฮลดิ้ง จำกัด (CPAW) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มซีพี และกองทุนต่างประเทศเพื่อแสดงความประสงค์จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อลงทุนและพัฒนาที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 เนื้อที่กว่า 400 ไร่ โดยต้องผ่านการตรวจสอบประเมินผลทรัพย์สิน (Due Diligence) และได้อนุมัติจากคู่สัญญาทุกฝ่าย
ทั้งนี้ ทุกฝ่ายได้เล็งเห็นศักยภาพในนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 เนื่องจากเป็นที่ดินที่ตั้งอยู่ในเขตโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่อยู่ใกล้กรุงเทพมหานครมากที่สุด โดยนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 อยู่ที่ริมถนนมอเตอร์เวย์กรุงเทพ-ชลบุรี กม.43 ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง จึงมีทำเลเหมาะสม สะดวกต่อการคมนาคมทั้งทางบก ทางเรือและทางอากาศ
ในการร่วมลงทุนครั้งนี้ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการดำเนินธุรกิจของ JCK เพราะจะสามารถรับรู้รายได้จากการขายที่ดินกว่า 400 ไร่ได้ทันทีกว่า 2,000 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทร่วมทุนจะนำที่ดินที่ได้มาส่วนหนึ่งขายให้แก่นักลงทุนต่างชาติที่ CPAWและกองทุนต่างประเทศจะชักนำมาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี 2 เนื่องจาก CPAW และกองทุนต่างชาติมีความแข็งแกร่งในตลาดประเทศจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่นรวมทั้งในกลุ่มทางยุโรป โดยจะมุ่งเน้นในลูกค้ากลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็คทรอนิกส์ให้เข้ามาประกอบกิจการในนิคม
นอกจากนี้ยังมีแผนนำที่ดินส่วนที่เหลือไปก่อสร้างโรงงานให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเช่าพื้นที่ โดยจะสร้างโรงงานตามความต้องการของลูกค้าเพื่อที่ลูกค้าจะสามารถเข้ามาประกอบกิจการได้ทันที ซึ่งคาดว่าบริษัทร่วมทุนจะสามารถสร้างยอดขายที่ดินในปีแรกได้ไม่ต่ำกว่า 100 ไร่ ส่วนโรงงานให้เช่ามีแผนจะสร้างไม่ต่ำกว่า 150,000 ตารางเมตร เพื่อให้เช่าและขายเข้ากอง REIT ต่อไป คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ที่ดีให้แก่บริษัทร่วมทุนเมื่อจบโครงการ
นายอภิชัย ได้กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ JCK กำลังเตรียมขยายพื้นที่เพิ่มเติมอีกประมาณ 1,000 ไร่เศษสำหรับโครงการนิคมอุตสาหกรรม ทีเอฟดี เฟส 3 โดยจะเริ่มทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA ภายในไตรมาส 2/65 เพื่อพัฒนาให้เป็นพื้นที่พร้อมขายได้ประมาณปี 66-67 โดยได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาในการทำรายงาน EIA ให้เข้ามาเริ่มดำเนินการแล้ว
นิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดีเฟส 3 นี้บริษัทจะขยายธุรกิจให้ครบวงจรมากขึ้นในเรื่องของการให้บริการในระบบสาธารณูปโภคไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของน้ำประปาหรือไฟฟ้า เพื่อรองรับการขยายตัวของผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม โดยบริษัทมีแผนที่จะสร้างโรงไฟฟ้าขึ้นในพื้นที่เพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดี ซึ่งจะสร้างรายได้ให้แก่บริษัทอีกทางหนึ่ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 มี.ค. 65)
Tags: JCK, ซีพี, นิคมอุตสาหกรรม, หุ้นไทย, อภิชัย เตชะอุบล, เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล