นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) กล่าวว่า ภาคธุรกิจทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงทั้งจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยืดเยื้อมากกว่า 2 ปี และสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งลุกลามกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งนานาชาติได้มีมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ของโลก เช่น พลังงาน และ สินแร่สำคัญ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นในรอบหลายปี อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ผลกระทบด้านห่วงโซ่อุปทาน และค่าขนส่งที่ปรับขึ้น ปัจจัยเสี่ยงของความขัดแย้งครั้งนี้อาจยืดเยื้อ บานปลาย กดดันการดำเนินงานในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม
จากปัจจัยภายนอกดังกล่าวบริษัทจึงได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานอย่างรัดกุมและเร่งด่วน เพื่อรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ด้วยบริษัทใช้วัตถุดิบจากปิโตรเคมีเพื่อนำมาผลิตสินค้าในทุกกลุ่มธุรกิจ จึงมุ่งเน้นบริหารจัดการวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ โดยแบ่งตามลักษณะของกระบวนการและการควบคุม ประกอบด้วย กระบวนการสั่งซื้อวัตถุดิบของบริษัทมีการประมาณการที่แม่นยำเพื่อบริหารวัตถุดิบที่มีอยู่และอยู่ระหว่างจัดส่ง ให้เพียงพอกับการผลิตและมีราคาเฉลี่ยที่เหมาะสม โดยบริษัทได้สั่งซื้อวัตถุดิบล่วงหน้ามากกว่าปกติในช่วงที่ราคาวัตถุดิบยังไม่ปรับราคาขึ้น และขยายระยะเวลาการเก็บวัตถุดิบให้นานขึ้น
สำหรับงานระหว่างทำ (Work in Process: WIP) ผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จ และ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป (Semi Product and Finish Goods) ด้วยสถานการณ์ขณะนี้ บริษัทจำเป็นต้องเพิ่มสต็อกของ WIP/ ผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จ และ ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป เพื่อทำให้บริษัทมีวัตถุดิบในราคาที่เหมาะสมเพียงพอประมาณ 6-8 เดือน
นอกจากนี้บริษัทมีการขายฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex ไปยังรัสเซียในรูปแบบ Licensing แต่สัดส่วนการขายไม่มากจึงไม่มีนัยสำคัญ ส่วนผลกระทบในยุโรปต่อจากนี้ บริษัทมีการขายสินค้าไปยังยุโรปประมาณ 5-7% มาจากธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex และธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ได้
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้ของธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มาจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และไทย เป็นหลัก และธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas สัดส่วนรายได้มาจากออสเตรเลีย เป็นหลัก
สำหรับปีบัญชี 64/65 (เม.ย. 64 – มี.ค. 65) บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นที่ 29-32% คาดว่ายอดขายจะสามารถเติบโตได้ดีกว่าเป้าหมาย การดำเนินงานของบริษัทตลอดระยะเวลา 43 ปีที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าทุกวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น วิกฤตต้มยำกุ้ง Hamburger Crisis สงครามอิรัก สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐอเมริกา รวมทั้งการแพร่ระบาดโควิด-19 บริษัทสามารถปรับตัวต่อทุกสภาวะวิกฤติ โดยเชื่อว่าในทุกวิกฤตมีโอกาสเกิดขึ้นเสมอ โดยที่ EPG สามารถสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และการเป็นผู้เล่นระดับโลก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 มี.ค. 65)
Tags: Aeroflex, EPG, หุ้นไทย, อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป, เฉลียว วิทูรปกรณ์