นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง รัฐสภา กล่าวถึงกระแสข่าวยุบสภาหลังการประชุมเอเปกช่วงเดือน พ.ย.นี้ ว่า ตนเข้าใจว่าการยุบสภาที่เป็นอำนาจตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะอยู่บนสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะสถานการณ์ที่ไม่สามารถคุมเสียง ส.ส.ในสภาได้ และเชื่อว่าขณะนี้รัฐบาลพยายามประสานกับฝ่ายต่างๆ เพื่อให้คะแนนเสียงของฝั่งรัฐบาลมั่นคงและมีเสถียรภาพ
“ตัวแปรสำคัญอยู่ที่พรรคเล็ก เนื่องจากพรรคเล็กมีคะแนนเสียงรวมประมาณ 10-20 เสียง หากเปลี่ยนไปฝั่งใดฝั่งหนึ่ง นั่นก็หมายถึงชัยชนะ และความพ่ายแพ้ของอีกฝั่งหนึ่ง จังหวะเวลาที่พรรคเล็กมีอำนาจต่อรองสูงสุด เมื่อถึงเวลาเปิดสภาฯ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เชื่อว่าจะมีการเจรจาต่อรอง ให้ประโยชน์ เพื่อตอบแทนการลงคะแนน ดังนั้นหากการเจรจาสำเร็จ การยุบสภาจะไม่เกิดขึ้น” นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวว่า ช่วงเวลาที่ระบุว่าจะยุบสภาหลังประชุมเอเปกนั้นไม่มีความหมาย เนื่องจากรัฐบาลใกล้จะครบวาระการบริหารงาน 4 ปี ในอีก 4 เดือนนับจากช่วงเวลาดังกล่าว การรอให้ครบวาระ จะกลายเป็นข้อจำกัดทางการเมืองมากกว่า เพราะเมื่อครบวาระแล้ว ส.ส.ต้องสังกัดพรรคการเมืองอย่างน้อย 90 วันก่อนวันเลือกตั้ง ทำให้การขยับตัวทางการเมืองของ ส.ส.เป็นไปด้วยความยากลำบาก
“การตัดสินใจยุบสภาก่อนครบวาระนั้น ทำให้การนับความเป็นสมาชิกภาพของ ส.ส.ที่ต้องสังกัดพรรคการเมืองนับเพียงแค่ 30 วันก่อนการเลือกตั้ง นี่เป็นเทคนิคทางการเมืองที่ฝ่ายรัฐบาลต้องตัดสินใจยุบสภาก่อนครบวาระ เพื่อสร้างโอกาสทางการเมือง การบอกว่ายุบสภาเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนนั้น ผมว่าไร้สาระ เพราะไม่ได้เป็นของขวัญ แต่เป็นเทคนิคทางการเมืองเท่านั้น เพื่อให้สามารถย้ายพรรคการเมืองได้ 90 วัน ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใหม่หรือน่าสนใจอะไร” นายสมชัย กล่าว
ส่วนการนับวาระตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี นายสมชัย กล่าวว่า จะกลายเป็นประเด็นบานปลายและร้อนแรง ตั้งแต่ตอนนี้ถึงเดือนสิงหาคม โดยประเด็นดังกล่าวไม่เชื่อว่าเกี่ยวกับการตัดสินใจยุบสภา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 มี.ค. 65)
Tags: การเมือง, พรรคการเมือง, ยุบสภา, สมชัย ศรีสุทธิยากร, เอเปก