นักวิเคราะห์หลายสำนักเตือนว่า มาตรการคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียของสหรัฐอาจทำให้ราคาน้ำมันและราคาอาหารดีดตัวรุนแรงขึ้น
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนออกแถลงการณ์ประกาศคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเมื่อคืนนี้ตามเวลาไทย เพื่อตอบโต้การที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน โดยถ้อยแถลงของปธน.ไบเดนส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งเหนือระดับ 128 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ไต่ระดับถึง 130 ดอลลาร์/บาร์เรลก่อนลดช่วงบวกลง
นายแอนดี ลิโพว์ ประธานบริษัทลิโพว์ ออยล์ แอสโซซิเอทส์ (Lipow Oil Associates) เผยว่า หากรัสเซียตอบโต้กลับด้วยการไม่ส่งน้ำมันให้ยุโรป อาจทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 20-30 ดอลลาร์/บาร์เรลได้ง่าย ๆ ก่อนหน้านี้ รัสเซียเคยขู่ระงับการส่งก๊าซให้ยุโรปมาแล้ว หากยุโรปและสหรัฐพุ่งเป้าเล่นงานภาคพลังงานของรัสเซีย
“สิ่งที่ผมกังวลมากที่สุดก็คือ ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเร็วซึ่งทำให้เศรษฐกิจในยุโรปและลาตินอเมริกาถดถอย ลามไปสู่ภาวะถดถอยในสหรัฐ และท้ายที่สุดจะกระทบความสามารถของจีนในการส่งออกสินค้าไปขายทั่วโลก” นายลิโพว์กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการ Squawk Box Asia ของสำนักข่าวซีเอ็นบีซี
ทางด้านแคโรไลน์ เบน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ฝ่ายตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ที่แคปิตอล อีโคโนมิกส์ (Capital Economics) ให้ความเห็นว่า “ในสถานการณ์ที่รุนแรงที่สุด เมื่อประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ทุกประเทศพากันแบนการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย อาจทำให้ซัพพลายพลังงานลดลงและชะงักงันอย่างรุนแรง” ส่งผลให้ราคาดีดตัวสู่ระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เบนยังระบุว่า “ภาวะเงินเฟ้อในประเทศที่พัฒนาแล้วน่าจะสิ้นสุดลงในปีนี้ ที่ระดับ 5% สูงกว่าระดับ 2.4% ที่เราเคยคาดการณ์ไว้ก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครน และอำนาจการใช้จ่ายที่ลดลงของภาคครัวเรือน ประกอบกับการจำกัดพลังงานในยุโรปอาจทำให้เศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนถดถอยลง”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มี.ค. 65)
Tags: ก๊าซธรรมชาติ, คว่ำบาตร, รัสเซีย, ราคาน้ำมัน