จีนให้คำมั่นในการยกระดับความสำคัญของกำลังการผลิตทางการเกษตรแบบครบวงจร ระหว่างการประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติและที่ปรึกษาทางการเมืองของจีนที่กรุงปักกิ่ง เพื่อจัดลำดับความสำคัญของการพัฒนาในปี 2565
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ประชุมร่วมกับที่ปรึกษาทางการเมืองระดับชาติจากภาคเกษตรกรรม สวัสดิการ และประกันสังคม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่สองของการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) พร้อมเรียกร้องว่า อย่าละเลยประเด็นเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร เพราะความมั่นคงด้านอาหารเป็นหนึ่งในผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานที่สุดของประเทศ และในขณะเดียวกันผู้นำจีนก็ตั้งคำถามว่า “ใครจะเป็นคนเลี้ยงจีน”
ปธน.สี กล่าวว่า การกินเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด และอาหารเป็นสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานที่สุดของประชาชน พร้อมกล่าวว่า เมื่อเจ็ดทศวรรษที่แล้ว จีนมีประชากรขาดอาหารถึง 400 ล้านคน แต่วันนี้ผู้คน 1.4 พันล้านคนได้กินอย่างดีและมีทางเลือกหลากหลาย
“แม้จีนจะเป็นชาติอุตสาหกรรมแล้ว แต่ก็ไม่ควรมองว่าอุปทานอาหารเป็นปัญหาที่ไม่สำคัญ และจีนไม่สามารถพึ่งพาตลาดต่างประเทศแต่เพียงอย่างเดียวในการแก้ปัญหานี้”
ปธน.จีน กล่าว
ปธน.สี เน้นด้วยว่า ความมั่นคงด้านทรัพยากรเมล็ดพันธุ์เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ในการพัฒนาอุตสาหกรรมเมล็ดพันธุ์ของประเทศ จำเป็นต้องเพิ่มการพึ่งพาตนเองในเทคโนโลยีเมล็ดพันธุ์ และสร้างความมั่นใจว่าทรัพยากรเมล็ดพันธุ์ของประเทศสามารถเลี้ยงตัวได้และมีการควบคุมที่ดีขึ้น ปธน.สี กล่าวโดยเน้นถึงความสำคัญของการปฏิรูปกลไกทางวิทยาศาสตร์การเกษตร และบทบาทด้านนวัตกรรมของวิสาหกิจ
การไม่มีอาหารเหลือทิ้งในอุตสาหกรรมจัดเลี้ยงถือเป็นภารกิจระยะยาว และเราต้องใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างสังคมอนุรักษ์ทรัพยากร
นอกจากนี้ จีนตั้งเป้าที่จะสร้างระบบนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่ภายในปี 2568 ตามแนวทางการพัฒนาของสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรแห่งประเทศจีน (CAAS) สำหรับแผนห้าปี ฉบับที่ 14
โดยในระหว่างการหารือ ปธน.สี จิ้นผิง ยังชี้ด้วยว่า ต้องมีความพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมการพัฒนาระบบประกันสังคมคุณภาพสูง และเครือข่ายความปลอดภัยทางสังคมจะต้องได้รับการพัฒนาต่อไปเพื่อสวัสดิภาพของประชาชน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มี.ค. 65)
Tags: กรุงปักกิ่ง, ความมั่นคงด้านอาหาร, จีน, สี จิ้นผิง, เกษตรกรรม, เกษตรสมัยใหม่