นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ มาร์ท (JMART) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (Market Cap) ของทั้งกลุ่ม JMART ทั้งหมดรวมกันในปี 67 เพิ่มขึ้นไปแตะระดับ 5 แสนล้านบาท จากปัจจุบันที่อยู่ราว 2 แสนล้านบาท
โดยที่บริษัทยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตของธุรกิจในกลุ่มอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้และกำไรเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% ต่อปี ซึ่งมาจากการการเติบโตจากธุรกิจที่ทำอยู่และการต่อยอดธุครกิจจากการร่วมมือกับพันธมิตรหรือการเข้าซื้อกิจการ
อีกทั้งบริษัทยังจะเดินหน้านำบริษัทในกลุ่มเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างแข็งแกร่งให้เพิ่มมากขึ้น และทำให้แต่ละธุรกิจสามารถสร้างการเติบโตได้ด้วยตัวเอง โดยในไตรมาส 3/65 จะนำบริษัท เอส จี แคปปิตอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) เข้าตลาดหลักทรัพย์ และในปี 67 จะนำบริษัท เจเวนเจอร์ส จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยเช่นกัน
นอกจากนั้น ยังมีอีก 2 บริษัทที่เพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น ก็มีแผนจะนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อธุรกิจมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง ได้แก่ บริษัท เคบี เจ แคปปิตอล จำกัด และบริษัท เจ ดี กรุ๊ป จำกัด
ส่วนทิศทางผลประกอบการในปี 65 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 50% และกำไรจะสร้างการเติบโตถึง 2 เท่าจากปีก่อน โดยทุกธุรกิจของ JMART จะเติบโตขึ้นได้อย่างมากในปีนี้ ได้แก่ ธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ไอทีต่างๆ ยังคงมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่มีสินค้ารุ่นใหม่ ๆ ออกมาสู่ตลาดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งในไตรมาส 1/65 จะมีแรงหนุนมาจากยอดขาย Samsung Galaxy S22 ที่เพิ่งเปิดตัวและได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า
สำหรับการจัดตั้งบริษัท เจ ดี กรุ๊ป จำกัด จะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่เข้ามาสร้าง J Curve ใหม่ ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่รวบรวมผู้ประกอบการดีลเลอร์ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดทั่วประเทศเข้ามาร่วมเสริม Ecosystem ของกลุ่ม JMART ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น ช่วยปลุกตลาดค้าปลีกตามหัวเมืองต่างจังหวัด ผ่านฐานลูกค้าของดีลเลอร์ทั้งในรูปแบบเงินสดและเงินผ่อน พร้อมจัดเต็มด้านสินเชื่อ KB J และ SINGER ประกัน และโลจิสติกส์ร่วมกันกับ Kerry และการขยายตลาดในส่วนของการขายโซลาร์รูฟท้อป ซึ่งได้ร่วมกับบมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ซึ่งจะเริ่มในปีนี้ 67 โดย เจ ดี กรุ๊ป ตั้งเป้ากำไรในช่วง 3 ปี (ปี 65-67) ไว้ที่ 300 ล้านบาท และรายได้ที่ 3.5 พันล้านบาท โดยในปีนี้จะขยายดีลเลอร์เป็น 100 สาขา
นอกจากนี้บริษัทในกลุ่ม JMART ยังคงมีการเดินหน้าในการขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเติบโตด้วยตัวธุรกิจเดิมของบริษัทเอง รวมถึงการยังมีการมองหาโอกาสในการเข้าลงทุนซื้อหรือรวมทุนในธุรกิจที่บริษัทมองว่ามีโอกาสในการเข้ามาสร้างการเติบโตในอนาคต ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีการทยอยประกาศการลงทุนใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 มี.ค. 65)
Tags: JMART, หุ้นไทย, อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา, เจ มาร์ท