กลุ่มผู้ผลิตอาหารและเกษตร โดยเฉพาะ CPF GFPT TU และ TFG ปรับตัวลงรับสถานการณ์รัสเซียและยูเครนรุนแรงขึ้นส่งผลให้ต้นทุนอาหารสัตว์ปรับสูงขึ้น โดยเมื่อเวลา 10.55 น. CPF ปรับลง 1.21% หรือลดลง 0.30 บาท มาที่ 24.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 330.40 ล้านบาท
GFPT ปรับลง 1.49% หรือลดลง 0.20 บาท มาที่ 13.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 2.45 ล้านบาท
TU ปรับลง 0.50% หรือลดลง 0.10 บาท มาที่ 19.80 บาท มูลค่าซื้อขาย 91.04 ล้านบาท
TFG ปรับลง 0.93% หรือลดลง 0.04 บาท มาที่ 4.24 บาท มูลค่าซื้อขาย 5.26 ล้านบาท
บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กลุ่มที่ได้รับผลกระทบในเชิงลบจากเหตุการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ประกอบด้วย CPF GFPT TFG เนื่องจากราคาต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์สูงขึ้นมาก และ TU มีธุรกิจอยู่ในรัสเซีย รวมทั้ง RBF ราคาข้าวสาลีพุ่งกระทบต้นทุน
ทั้งนี้ นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า กลุ่มหุ้นผู้ผลิตอาหารได้รับผลกระทบเชิงลบจากสถานการณ์รัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยรัสเซียและยูเครนเป็นแหล่งสำคัญในการผลิตข้าวสาลี ข้าวบาเล่ย์ ข้าวโพด ของโลก เมื่อมีเหตุการณ์ความไม่สงบก็จะทำให้ซัพพลายในตลาดโลกลดลง ส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นไปด้วย
อย่างไรก็ดี มองว่าเป็นผลกระทบระยะสั้น โดยขึ้นกับสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนจะเป็นอย่างไร หากลดความร้อนแรงราคาก็อาจค่อย ๆ ปรับลง แนะนำให้รอดูสถานการณ์ก่อน หันไปลงทุนหุ้นกลุ่ม Domestic play เช่น กลุ่มค้าปลีก กลุ่มท่องเที่ยว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มี.ค. 65)
Tags: CPF, GFPT, TFG, TU, วิจิตร อารยะพิศิษฐ, หุ้นไทย