นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า กรณีที่มีประชาชนที่มีผลตรวจ Antigen Test Kit (ATK) เป็นบวก และโทรติดต่อ 1330 ไม่ได้ หรือไม่ได้รับการติดต่อกลับนั้น จากสถิติเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 65 มีสายโทรเข้าในระบบ 1330 ถึง 70,000 สาย ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์เพียง 700 คน ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถรับสายได้เพียง 29,688 สาย หรือประมาณครึ่งหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากประชาชนโทรเข้ามาเกินกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่ ดังนั้น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จึงอยู่ระหว่างการเพิ่มเจ้าหน้าที่รับสายให้มากขึ้น
ด้านกระทรวงสาธารณสุข ได้ขยายบริการ “เจอ แจก จบ” รับผู้ป่วยนอกให้เข้าไปอยู่ในระบบบริการ หากพบผล ATK เป็นบวก โดย “เจอ” คือ เจอ ATK หรือ RT-PCR และเจอหมอ พยาบาล ผู้ดูแล ระบบบริการ “แจก” คือ แจกความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเอง (Self Isolation) และ “จบ” คือ ประชาชนที่ติดเชื้อเข้ามาอยู่ในระบบบริการ
“พบว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อและทำ Home Isolation (HI) มีเพียง 0.5% ที่มีอาการกำเริบมากขึ้น และต้องส่งตัวไปรักษาต่อ ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยมาก ดังนั้น จึงถือว่าที่ผ่านมาระบบ HI เป็นระบบที่ดี” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว
อย่างไรก็ดี ประชาชนที่ติดเชื้อและติดต่อมายัง 1330 ส่วนใหญ่มาจากกทม. เนื่องจากมีประชากรมาก สัดส่วนการติดเชื้อจึงมีจำนวนมากเช่นกัน แต่ไม่มีโรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขในกทม.เลย ดังนั้น ขอให้ประชาชนที่ติดเชื้อและไม่สามารถติดต่อ 1330 ได้ เดินทางไปยังโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อพบแพทย์ และประเมินอาการ
“ขณะนี้โรคไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์เดลตา โดยหากผู้ติดเชื้อมีความจำเป็นต้องเดินทาง โดยเฉพาะรถสาธารณะ ให้ป้องกันตนเอง ใส่หน้ากากสองชั้น อย่างไรก็ดี หากสามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวได้ก็จะดีกว่า” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว
ขณะเดียวกัน สธ. ได้จัดการประเมินศักยภาพการรับรองการตรวจ ARI Clinic (เจอ แจก จบ) ของสถานบริการสุขภาพ ให้บริการผู้ป่วยนอกแบบ Walk in เพิ่มจำนวน 18,650 ราย/วัน ใน 14 จังหวัดใกล้พื้นที่กทม. เพื่อรองรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถติดต่อ 1330 ได้ ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี, ปทุมธานี, พระนครศรีอยธยา, สระบุรี, นครนายก, สิงห์บุรี, อ่างทอง, นครปฐม, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร, สุพรรณบุรี, สมุทรปราการ, ชลบุรี และฉะเชิงเทรา รวมทั้งโรงพยาบาลสังกัด กรมสุขภาพจิต และโรงพยาบาลสังกัด กรมควบคุมโรค (ปริมณฑล)
“สธ. อยากบรรเทาความเดือดร้อน และอยากให้ความมั่นใจว่ามีความพร้อมในการให้บริการ เจอ แจก จบ เรื่องยาได้แน่นอนทั้งฟ้าทะลายโจร และฟาวิพิราเวียร์ หรือยารักษาตามอาการอื่นๆ ทั้งนี้ ไม่ต้องกลัวว่าเป็นเรื่องข้ามเขต สธ. และสำนักงานประกันสุขภาพ และสำนักงานอื่นๆ ได้พูดคุยกันแล้วว่า ทุกคนสามารถเข้ารักษาในระบบผู้ป่วยนอกทุกจังหวัดที่กล่าวถึง ซึ่งอยู่ใกล้กทม. โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว
สำหรับสถานการณ์การใช้เตียงของไทย ปัจจุบันมีอัตราการครองเตียงอยู่ที่ 101,157 เตียง จากทั้งหมดที่มีเตียงกว่า 174,000 เตียง ซึ่งคิดเป็น 57.8% โดยขณะนี้การใช้เตียงระดับ 1 (ผู้ป่วยสีเขียว) มีอัตราการครองเตียงถึง 66.2% ถือว่าสูงเกินความจำเป็น เนื่องจากผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์โอมิครอนส่วนใหญ่มีอาการไม่มาก ซึ่งการใช้ระบบ เจอ จ่าย จบ จะทำให้มีเตียงเพียงพอสามารถรองรับผู้ป่วยที่มีอาการหนัก และผู้ป่วยโรคอื่นๆ ได้มากขึ้น
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า จากการคาดการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของประเทศไทย ขณะนี้สถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับกลางจากที่เคยคาดการณ์ในฉากทัศน์ ซึ่งคาดว่าช่วงปลายเม.ย. จำนวนผู้ติดเชื้อจะค่อยๆ ลดลง
ด้าน นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวเสริมว่า สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถติดต่อ 1330 ได้นั้น ให้เดินทางไปยังสถานบริการสุขภาพ ARI Clinic ที่เพิ่มการให้บริการผู้ป่วยนอก เพื่อเจอเจ้าหน้าที่ ให้เจ้าหน้าที่ประเมินอาการ และแจกความรู้ในการดูแลตนเอง และแจกยาตามอาการ แจกเบอร์โทรศัพท์ กรณีที่ผู้ป่วยมีข้อสงสัย หรือมีอาการมากขึ้น และจบ คือ การเข้าสู่ระบบบริการสุขภาพ ซึ่งภายใน 48 ชั่วโมง จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อเพื่อประเมินอาการอีกครั้ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 มี.ค. 65)
Tags: ARI Clinic, ATK, COVID-19, กระทรวงสาธารณสุข, ธงชัย กีรติหัตถยากร, สปสช., สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, เกียรติภูมิ วงศ์รจิต, โควิด-19