บมจ.เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ (NINE) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 984,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ให้แก่ จากบริษัท พอยท์ ออฟ วิว (พีโอวี) มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (POV)
ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.วีจีไอ (VGI) จำนวน 953,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็นสัดส่วน 70.65% และ บริษัท เวิร์ค เอ็กซ์ จำกัด จำนวน 15,350,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1.14% และ Sliver Reward Holdings Limited จำนวน 15,150,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1.12% ในราคาเสนอขายหุ้นละ 3.30 บาท รวมมูลค่า 3,247,200,000 บาท
พร้อมทั้งออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 240,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ในอัตราการจัดสรร 1.5232 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ในราคาเสนอขายหุ้นละ 3.30 บาท รวมมูลค่า 792,000,000 บาท
ทั้งนี้ บริษัทจะลดทุนจดทะเบียนจำนวน 25,000,000 บาท จากเดิม 390,549,286 บาท เป็น 365,549,286 บาท โดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายจำนวน 25,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท จากนั้นจะเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 1,224,000,000 บาท เป็น 1,589,549,286 บาท ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 1,224,000,000 หุ้น
นอกจากนั้น บริษัทจะเข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท กรุ๊ปเวิร์ค จำกัด (GW) เป็นจำนวน 62,500 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นสัดส่วน 100% ของหุ้นทั้งหมดใน GW จากผู้ถือหุ้นเดิม 3 ราย ได้แก่ (1) VGI (2) บริษัท เวิร์ค เอ็กซ์ จำกัด และ (3) Sliver Reward Holdings Limited ในราคาซื้อขายจำนวนไม่เกิน 110 ล้านบาท
GW ประกอบธุรกิจบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์บางส่วนบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสจำนวน 5 สถานี และบริหารพื้นที่ขายสินค้าบริเวณท่าเทียบเรือ 3 แห่ง ที่มุ่งเน้นการใช้พื้นที่ดังกล่าวเพื่อนำเสนอแบรนด์ของร้านค้าต่อผู้บริโภค และเป็นช่องทางการซื้อขายสินค้าที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการสัญจรผ่านสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสและท่าเรือ อันมีแนวโน้มเติบโตขึ้นในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
และ NINE จะเข้าทำสัญญาให้สิทธิบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส (License to Manage and Operate Merchandising Space Agreement) จำนวนไม่เกิน 31 สถานี (ซึ่งรวมถึงพื้นที่บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสที่ GW ได้รับสิทธิ และที่บริษัทฯ ได้รับสิทธิในการบริหารจัดการอยู่ในปัจจุบัน) กับ VGI ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานในการบริหารจัดการพื้นที่บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสดังกล่าวจาก บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) (BTSC) สัญญาดังกล่าวมีระยะเวลาประมาณ 7.5 ปี (สิ้นสุดวันที่ 4 ธ.ค.72) และคู่สัญญาอาจต่อสัญญาได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญา โดยคาดว่ามีมูลค่ารวมของสัญญาประมาณ 2,665.93 ล้านบาท
ขณะที่ VGI เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้เข้าลงทุนและให้สิทธิการเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์บนเครือข่าย BTS Skytrain แก่ NINE ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจบริหารจัดการร้านค้า ที่มีความมุ่งมั่นในการปรับปรุงพื้นที่เชิงพาณิชย์เครือข่ายรถไฟฟ้าบีทีเอสให้มีรูปแบบทันสมัย โดยปัจจุบันได้เริ่ม pilot phase บนสถานีเซนต์หลุยส์ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
นายเนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ VGI กล่าวว่า บริษัทจึงเล็งเห็นถึงโอกาสในการเพิ่มศักยภาพในการบริหารงานบนพื้นที่ดังกล่าว จึงมีแผนเฟ้นหาผู้มีความเชี่ยวชาญมาช่วยยกระดับการดำเนินงานในธุรกิจประเภทนี้ และจากการที่ NINE ได้เข้าไปบริหารจัดการพื้นที่บนสถานีเซนต์หลุยส์ ซึ่งเป็นสถานีนำร่องนั้น ผลลัพธ์เบื้องต้นคือเราเพิ่มพื้นที่ให้เช่าใหม่ๆ ได้กว่า 100% รวมถึงได้มีการจัดรูปแบบพื้นที่เช่าเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นด้วย
โดยในปีที่ผ่านมา ค่าเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์มีสัดส่วนรายได้เพียง 10-15% ของรายได้ทั้งหมดเท่านั้น จึงเป็นที่คาดการณ์ว่าด้วยการผสมผสานกลยุทธ์ด้านการปรับปรุงพื้นที่เชิงพาณิชย์ร่วมกับการได้บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์เพิ่มเติมบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสร่วมกับพื้นที่เดิมนั้นจะทำให้รายได้ด้านการโฆษณาของ VGI เติบโตขึ้น 20% อย่างมีนัยสำคัญ
ธุรกรรมนี้นับว่าเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายของกลยุทธ์ O2O Marketing Solutions ของ VGI ผ่านการสนับสนุนของ NINE ซึ่งจะทำให้ VGI สามารถมอบบริการให้กับลูกค้าหรือแบรนด์ได้ครอบคลุมมากกว่าธุรกิจโฆษณา Offline-to-Online และการให้บริการด้านบริการชำระเงิน และด้านธุรกิจการจัดจำหน่าย แต่การผสมผสานระหว่าง O2O Marketing Solutions เข้ากับพื้นที่เชิงพาณิชย์ระดับพรีเมียมเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต่อผู้โดยสารของเราจะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังมากสำหรับแบรนด์ต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายและเข้าถึงผู้บริโภค ซึ่งเราสามารถนำเสนอการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด รวมทั้งยังมีข้อมูลเชิงลึกที่มากขึ้นตามความต้องการของลูกค้า
ทั้งนี้ธุรกรรมดังกล่าวต้องได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้น NINE ซึ่งจะพิจารณาเพื่ออนุมัติการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) จำนวน 984 ล้านหุ้นให้กับ VGI และนักลงทุนรายอื่นๆ รวมถึงการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) 240 ล้านหุ้น ซึ่งหากจองเต็มจำนวน VGI จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่มีสัดส่วนการถือหุ้นที่ 60% และ NINE จะสามารถระดมทุนได้สูงถึง 4,000 ล้านบาท เพื่อขยายความสำเร็จบนเครือข่ายพื้นที่เชิงพาณิชย์ของ BTS
นี่เป็นอีกหนึ่งข้อตกลงครั้งสำคัญสำหรับ VGI ซึ่งตามมาอย่างร้อนแรงหลังจากประสบความสำเร็จในการเป็นหุ้นส่วนและลงทุนในบมจ.เจ มาร์ท(JMART) รวมถึงการลงทุนในบริษัท แฟนสลิ้งค์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซแบบ Omni-channel และการจัดการแบรนด์ชั้นนำสำหรับแบรนด์จีน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 มี.ค. 65)
Tags: NINE, VGI, หุ้นไทย, เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์