นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าภายในปี 68 จะมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (Market Capitalization) ของทั้งกลุ่มแตะระดับ 1 แสนล้านบาท จากปัจจุบัน 40,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ORI มีแผนนำบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่างน้อยปีละ 1 บริษัท หลังจากส่ง บมจ.บริทาเนีย (BRI) เข้าตลาดหุ้นไปแล้ว จะต่อด้วย บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ประกอบธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร, บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ประกอบธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) เช่น โรงแรม ออฟฟิศ ค้าปลีก, บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) เพื่อดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม เช่น คลังสินค้า โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม ครบวงจร ซึ่งจะหนุนให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจอื่นๆ เพิ่มขึ้นเป็น 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10%
สำหรับปี 65 บริษัทเตรียมแผนการดำเนินงานใหม่ภายใต้แนวคิด “ORIGIN MULTIVERSE” ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่
- ขยายสู่จักรวาลใหม่ (Expanding to the new universe) จากเดิมที่ออริจิ้นมีจักรวาลหลักคือจักรวาลพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ขยายตัวเองเข้าสู่จักรวาลใหม่ๆ โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มจักรวาล ได้แก่ กลุ่มจักรวาลที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential for Sales) กลุ่มจักรวาลธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) กลุ่มจักรวาลธุรกิจบริการ (Service Business) กลุ่มจักรวาลเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends Business) โดยทั้ง 4 กลุ่มจักรวาล ยังคงประกอบด้วยจักรวาลธุรกิจย่อยๆ ที่ทยอยเกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เช่น โลจิสติกส์ เฮลท์แคร์ ประกันภัย พลังงาน การเงิน ร้านอาหาร กัญชง และยังอาจมีจักรวาลย่อยๆ เพิ่มขึ้นในอนาคต
- แยกกันเติบโตแบบคู่ขนาน (Growing in the separated timeline) ให้ทุกบริษัทย่อยมีเส้นทางการเติบโตแบบคู่ขนานในจักรวาลของตัวเอง ผ่านการจัดทัพผู้บริหารมืออาชีพในธุรกิจนั้นๆ เข้าไปช่วยดูแลทิศทางการเติบโต สร้างจุดแข็งให้แก่ทุกกลุ่มธุรกิจ
- เชื่อมโยงอีโคซิสเท็ม (Connecting the ecosystem) เชื่อมโยงทุกจักรวาลที่แยกย้ายกันไปเติบโต กลับมาดูแลผู้บริโภคร่วมกันเป็นอีโคซิสเท็ม สร้าง Multiverse of Happiness ที่ครอบคลุมการดูแลและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร
นายพีระพงศ์ กล่าวถึงภาพรวมรายได้ในปี 65 ว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 17,500 ล้านบาท โดยมาจากธุรกิจอื่นๆราว 2,500 ล้านบาท และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ราว 15,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) รวมกว่า 35,000 ล้านบาท โดยจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ภายในระยะเวลา 3 ปี และมีสต็อกโครงการพร้อมขายอีกกว่า 11,000 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 35,000 ล้านบาท โดยในช่วง 2 เดือนแรกของปีมียอดขายแล้วกว่า 6,000 ล้านบาท จากแผนเตรียมเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 31 โครงการในปีนี้ มูลค่าโครงการรวมกว่า 42,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 13,400 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 19 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 28,600 ล้านบาท ซึ่งจะมีการเติบโตในทุกเซ็กเมนท์
และมีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ๆเพิ่มขึ้น อาทิ แบรนด์ ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play) ออริจิ้น เพลส (Origin Place) รวมไปถึงการเพิ่มทำเลใหม่ๆ เช่น ฝั่งธนบุรี และมีโครงการใหม่ที่เป็นเมกะโปรเจ็คต์ย่านทองหล่อ ภายใต้ชื่อ “ออริจิ้น ทองหล่อ เวิลด์” (Origin Thonglor World) มูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้มีทิศทางที่ฟื้นตัวขึ้นได้ค่อนข้างดี ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยบริษัทได้เน้นการพัฒนาโครงการให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้โครงการต่างๆที่บริษัทเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค
นางสาวจตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ประกอบธุรกิจด้านที่ปรึกษาและตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ บริการบริหารจัดการนิติบุคคล บริการตกแต่งภายใน บริการขนย้าย บริการด้านความสะอาดและความปลอดภัย บริการบริหารโรงแรมและที่อยู่อาศัย (Hotel & Residence Management Operator) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 65 ที่ 600 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 490 ล้านบาท โดยบริษัทยังคงขยายการให้บริการใหม่ๆ เพื่อขยายขอบเขตการดูแลผู้บริโภคเพื่อให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าบริษัทจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในช่วงปลายปี 65 โดยมีที่ปรึกษาทางการเงินคือบริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด และบริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด
ด้านนายปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ทยอยปรับโครงสร้างภายในอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า ธุรกิจค้าปลีก แต่จะมีธุรกิจอื่นๆ ภายใต้การบริหาร เช่น ธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในแถบเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และหัวเมืองสำคัญต่างจังหวัด ธุรกิจร้านอาหาร โดยภายในช่วง 5 ปีจากนี้ จะมีโครงการภายใต้การพัฒนาของบริษัทรวม 32 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 49,100 ล้านบาท โดยคาดว่าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ในช่วงไตรมาส 1/66 มีที่ปรึกษาทางการเงินคือ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
ด้านนายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด กล่าวว่า ณ สิ้นปี 64 บริษัทมีที่ดินเพื่อใช้พัฒนาพื้นที่เช่าทางอุตสาหกรรมกว่า 155,000 ตารางเมตร สำหรับการพัฒนาโครงการแรกในพื้นที่บางนา กม.22 ภายใต้ชื่อ แอลฟา บางนา กม.22 คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ภายในไตรมาส 2/65 และเริ่มรับรู้รายได้ได้ภายในปีนี้ ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลากหลายโปรเจ็คต์ภายใต้แผนงาน ทั้งผ่านการซื้อกิจการ และการพัฒนาเอง โดยตั้งเป้าหมายพื้นที่ภายใต้บริหารจัดการกว่า 1 ล้านตารางเมตร ภายในปี 68
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 มี.ค. 65)
Tags: ORI, พีระพงศ์ จรูญเอก, หุ้นไทย, ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้