นายทศพร จิตตวีระ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟลอยด์ (FLOYD) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในปี 65 บริษัทยังใช้กลยุทธ์เน้นการควบคุมต้นทุรักษาฐานลูกค้าเดิม ได้แก่ กลุ่มห้างค้าปลีก อาคารสำนักงาน และดาต้าเซ็นเตอร์ พร้อมลุยงานดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มตามความต้องการ Data center ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการใช้เทคโนโลยี Cloud , AI และ Big Data ที่เพิ่มมากขึ้นตามเทรนด์เปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ความเป็นดิจิทัล, การมาของเทคโนโลยี Metaverse รวมถึง การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หลายหน่วยงานปรับเปลี่ยนการทำงาน ประกอบกับรัฐบาลมีการพัฒนาระบบ Cloud กลางภาครัฐ เพื่อการใช้งาน Big Data ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชนเร่งขยายพื้นที่ Data Center
ในการก่อสร้างและวางระบบ Mechanical & Electrical (M&E) ของอาคาร Data Center มีความซับซ้อนกว่าอาคารทั่วไป จึงต้องการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะในการออกแบบและก่อสร้าง เพื่อให้อาคาร Data Center สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่มาตรฐานกำหนด บริษัทฯในฐานะผู้รับเหมาก่อสร้าง อาคาร Data Center ที่มีทีมงานที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ มองเห็นโอกาสรับงานก่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นมากใน 2-3 ปีข้างหน้า โดยบริษัทอยู่ในช่วงของการเจรจากับลูกค้าหลายรายคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้
ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะเกี่ยวกับนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่สร้างความเติบโตให้กับบริษัทฯ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ได้ภายหลังดำเนินการจดทะเบียนแล้วเสร็จ ซึ่งบริษัทจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไป โดยมองภาพระยะสั้นของแนวโน้มไตรมาส 1/65 คาดว่าผลประกอบการจะมีแนวโน้มดีขึ้นเป็นผลจากการทยอยรับรู้รายได้จากการส่งมอบงานในโครงการต่างๆ
ด้านผลประกอบการในงวดปี 64 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการ 377.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 131.12 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 53.28% จาก 246.08 ล้านบาท เมื่อเทียบกับผลดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของรายได้ที่สำคัญประกอบด้วยรายได้จากโครงการแนวราบ, อาคารสำนักงาน และดาต้าเซ็นเตอร์ โดยผลกระทบจากโควิด -19 ส่งผลต่อภาพรวมอุตสาหกรรมยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง บริษัทจึงต้องปรับกลยุทธ์ ขยายขอบเขตการรับงานและมุ่งเน้นควบคุมต้นทุน ลดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพื่อสร้างการเติบโตแง่รายได้และกำไร
“ผลงานในปี 64 รายได้เป็นไปตามเป้าหมายเติบโต 10% จากปีก่อน จากกลยุทธ์เพิ่มศักยภาพการรับงานให้มากขึ้น พร้อมนโยบายควบคุมต้นทุนอย่างรัดกุมแต่ทั้งนี้จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้ต้องปิดไซต์ก่อสร้างตามมาตรการภาครัฐ ส่งผลให้ส่งมอบงานได้ล่าช้า ทำให้สะท้อนถึงกำไรของบริษัทที่ปรับตัวลดลง” นายทศพร กล่าว
บริษัทมองว่าหลังรัฐบาลประกาศปลดโควิด-19 จากโรคระบาดเป็นโรคประจำถิ่น น่าจะเป็นสัญญาณเชิงบวก และธุรกิจของ FLOYD อิงกับระบบสาธารณูปโภค เชื่อว่าน่าจะเป็นปัจจัยบวกของบริษัทฯ ที่ดีให้กลับมาคึกคักได้เหมือนเคย โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในด้านการคมนาคม จะกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ ภาคเอกชนได้รับความเชื่อมั่น ทยอยเปิดตัวงานโครงการใหม่เพิ่มขึ้น และส่งผลดีต่อ FLOYD ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รับเหมาติดตั้งงานวางระบบแบบครบวงจร ที่ได้รับการยอมรับทั้งในเรื่องคุณภาพงานและการบริการที่รวดเร็วด้วยทีมงานวิศวกรที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในธุรกิจ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ก.พ. 65)
Tags: ดาต้าเซ็นเตอร์, ทศพร จิตตวีระ, ฟลอยด์