นายสุริยันต์ โคจรโรจน์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ศิครินทร์ (SKR) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในปี 65 มั่นใจว่ายังคงเติบโตจาก 2 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ กลุ่ม Hospital ผ่านการเพิ่มศักยภาพทางการแพทย์ผ่านสถาบันการแพทย์เฉพาะทางด้านต่าง ๆ เช่น ศูนย์โรคมะเร็ง หรือ ศูนย์ส่องกล้องครบวงจร สำหรับกลุ่มลูกค้าประกันสังคม ทางเครือโรงพยาบาลศิครินทร์เปิดตัวโครงการ “ประกันสังคม พลัส” เพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ประกันตนตามโควต้าประมาณ 5 แสนราย โดยพัฒนาระบบการให้บริการสำหรับลูกค้าประกันสังคมผ่านแนวคิด “รอคิวไม่นาน พบหมอเฉพาะทางทันที และผ่าตัดด้วยมาตรฐานสากลระดับโลก”
ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่ม Non-Hospital หลังจากคณะกรรมการมีมติเพิ่มเงินลงทุนในบริษัทย่อย ส่งผลให้การพัฒนาเพิ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพด้านต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคมีแนวทางที่ชัดเจนมากขึ้น โดยธุรกิจกลุ่ม Non-Hospital จะสร้างประโยชน์ให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้อสินค้าเพื่อสุขภาพอย่างยั่งยืนมากขึ้น
“ตั้งแต่ปี 65 เป็นต้นไป โครงสร้างรายได้ในธุรกิจโรงพยาบาลจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มลูกค้าทั่วไป กลุ่มลูกค้าสวัสดิการภาครัฐ และ กลุ่มงานโครงการภาครัฐ ซึ่งการเติบโตต่อจากนี้ เราจะมุ่งสร้างการรับรู้แบรนด์ “Sikarin” ให้เกิดการยอมรับจากลูกค้าและสามารถเชื่อมโยงได้อย่างถูกต้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้น ๆ ภายใต้แนวคิด “ศิครินทร์ เคียงข้างคุณ” ส่วนการพัฒนาเรื่องบุคลากรในทุกระดับ จะถูกบริหารจัดการผ่านสถาบัน Sikarin Academy ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง บริษัท ศิครินทร์ จำกัด (มหาชน) กับ Chulalongkorn Business School” นายสุริยันต์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการปี 64 บริษัทมีรายได้รวม 6,377.34 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 2,469.74 ล้านบาท หรือเติบโต 63.20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องแตะ 1,395.30 ล้านบาท เติบโต 299.02% เทียบกับปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิที่ 349.68 ล้านบาท
สาเหตุการเพิ่มขึ้นทั้งรายได้และกำไรสุทธิมาจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มคนไข้รักษาโรคเฉพาะทางที่ซับซ้อนด้วยการผ่าตัดและกลุ่มผู้เข้ารับบริการโดยใช้สิทธิประกันสังคม รวมถึงการร่วมมือกับภาครัฐในการออกตรวจเชิงรุกและการรับรักษาผ่านสถานพยาบาลผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Hospitel) โดยโรงพยาบาลศิครินทร์ ร่วมกับ สำนักงานประกันสังคม เปิดตัวโครงการ “Hospitel เพื่อผู้ประกันตน” ผ่าน 7 โรงแรมชั้นนำ สามารถรองรับการรักษากว่า 3,500 เตียง เพื่อสร้างความปลอดภัยแก่ผู้ประกันตนและเป็นการลดการติดต่อแพร่ระบาดของโควิด-19
และโรงพยาบาลในเครืออีก 2 โรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลศิครินทร์ สมุทรปราการ และโรงพยาบาลศิครินทร์ หาดใหญ่ ร่วมกับ สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ออกหน่วยตรวจคัดกรองเชิงรุกโควิด-19 โดยตรวจวิเคราะห์แบบ RT-PCR สำหรับผู้ประกันตนในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และสงขลา รวมถึงการดำเนินการโครงการนำร่องการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน หรือ Factory Sandbox ควบคู่ไปกับการจัดทำมาตรการป้องกันควบคุมในพื้นที่เฉพาะ หรือ Bubble & Seal
ขณะที่ค่าใช้จ่ายการดำเนินการรวมค่าเสื่อมราคาของปี 64 อยู่ที่จำนวน 4,610.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.45% จากจำนวน 3,507.06 ล้านบาท ในปีก่อนหน้า เป็นผลมาจากต้นทุนการรักษาพยาบาล จำนวน 3,509.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.14% จากปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากจำนวนคนไข้ที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งจากการกลุ่มลูกค้าทั่วไป ประกอบด้วย จ่ายเงินสด บริษัทคู่สัญญา บริษัทประกันชีวิต และกลุ่มลูกค้าประกันสังคม รวมถึงการร่วมมือกับภาครัฐในการบริหารจัดการคนไข้ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่น การตรวจคัดกรอง การออกตรวจค้นหาเชิงรุก การบริการฉีดวัคซีนภาครัฐและการรับรักษาผ่านสถานพยาบาลผู้ป่วยเฉพาะกิจ (Hospitel) ทั้งนี้ในส่วนการบริหารต้นทุนยังทำได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสัดส่วนของต้นทุนกิจการโรงพยาบาลต่อรายได้จากกิจการโรงพยาบาล อยู่ที่ 55.53% ลดลง 15.22% จาก 70.75% ในปี 63
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.พ. 65)
Tags: SKR, ศิครินทร์, สุริยันต์ โคจรโรจน์, หุ้นไทย