บมจ.สยามเทคนิคคอนกรีต (STECH) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่จากกลยุทธในการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท จึงมีนโยบายในการลงทุนโรงงานผลิตลวดเหล็กเพื่อเป็นการขยายธุรกิจและทำให้ต้นทุนในการผลิตต่ำลง เป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและการทำกำไรของบริษัทฯ โดยบริษัทยอยที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ คือ บริษัท สยามสตีลไวร์ จำกัด ประเภทธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายลวดเหล็ก เงินลงทุน 320 ล้านบาท ทุนจดทะเบียน 100,000,000 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญ 1,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท โดย STECH ถือหุ้นทั้ง 100% โดยจะจัดตั้งโรงงานแห่งใหม่และคาดว่าจะทำการรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ภายในปี 66
นายวัฒน์ชัย มงคลศรีสวัสดิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STECH เปิดเผยว่า สยามสตีลไวร์ จะประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายลวดเหล็กแรงดึงสูง PC Wire และ ลวดเหล็กตีเกลียว PC Strand ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิต ผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง เช่น เสาเข็ม เสาสปัน เสาไฟฟ้า คานสะพาน ฯลฯ โรงงานจะมีกำลังการผลิตรวม 26,000 ตันต่อปี คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 320 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้ในช่วงไตรมาส 4/66
บริษัทมีความมั่นใจในการลงทุนดังกล่าว เนื่องจากผู้บริหารของบริษัท คือนายทรงศักดิ์ ปิยะวรรณรัตน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในธุรกิจเหล็กมากว่า 20ปี บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเพิ่มกำไรอย่างมีนัยสำคัญ เสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก ลดความเสี่ยงในด้านความผันผวนของต้นทุน ทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างยั่งยืน
นายทรงศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนใน “บริษัท สยามสตีลไวร์ จำกัด” จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งบริษัทแม่ คือ STECH และสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน โดยกำลังการผลิตรวม 26,000 ตันต่อปี เกือบ 50% ของกำลังการผลิตจะใช้ในบริษัทแม่ ทั้ง 10 โรงงานในปัจจุบัน และโรงงานที่จะขยายอีกในอนาคต ซึ่งต้นทุนค่าลวดนับเป็นประมาณ 30% ของต้นทุนการผลิต
นอกจากนี้ ยังมีกำลังการผลิตเพียงพอจะสามารถขายให้กับโรงงาน/บริษัท ที่เป็นพันธมิตร/คู่ค้ากับบริษัท รวมถึงการที่ประเทศจีนเปลี่ยนแปลงนโยบายไม่ให้การสนับสนุนการส่งออกเหล็ก ทำให้ไม่มีการกำหนดราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าปกติ (Dumping) จากประเทศจีน เป็นโอกาสขยายการเติบโต ส่งผลให้ธุรกิจเหล็กมีความน่าสนใจ และมีผลตอบแทนที่ดีขึ้น
ล่าสุด STECH รายงานผลประกอบการงวดประจำปี 64 มีรายได้รวม 1,516.55 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 94.72 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้หลักมาจากธุรกิจสินค้าและบริการด้านคอนกรีตอัดแรง 98.19% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
บริษัทประเมินปี 65 รายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% รับภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัว โครงการเมกะโปรเจ็คต์ภาครัฐบาลและงานภาคเอกชนเดินหน้าเปิดประมูลด้วยเม็ดเงินลงทุนมูลค่ามหาศาล เป็นโอกาส STECH รับโอกาสการเติบโตในครั้งนี้ จากปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ราว 1,500 ล้านบาท และมีโรงงานคอนกรีตอัดแรง 10 สาขา จากปีก่อนมี 9 สาขาครอบคลุมเกือบทั่วประเทศ โดยโรงงานเพิ่มขึ้น 1 แห่งที่ชลบุรี สาขา 2 ลุยรับงานโซนภาคตะวันออก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.พ. 65)
Tags: STECH, ลวดเหล็ก, สยามเทคนิคคอนกรีต, หุ้นไทย