นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสอ่อนตัวลง ติดตาม ศบค. มีมาตรการควบคุมเพิ่มเติมหรือไม่หลังเตือนภัยโควิด-19 ที่ระดับ 4 แม้ไม่มีล็อกดาวน์ ขณะที่ความตึงเครียดยูเครนและรัสเซียมากขึ้น แต่เชื่อลงไม่มากรับกลุ่มพลังงานหนุน หลังราคาน้ำมันพุ่งกว่า 4% พร้อมให้แนวรับที่ 1,680 จุด และ 1,670 จุด แนวต้าน 1,705-1,710 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้ามีโอกาสที่จะอ่อนตัวลง โดยต้องติดตามว่าศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) จะมีการประกาศมาตรการอะไรออกมาเพื่อควบคุมเพิ่มเติมหรือไม่ หลังมีการประกาศเตือนภัยโควิด-19 อยู่ที่ระดับ 4 แม้จะไม่ล็อกดาวน์
นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัฐเซีย และ ยูเครน ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย หลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้สั่งการให้กองกำลังทหารรัสเซียเข้าประจำการในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน โดยคำสั่งดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังจากประธานาธิบดีปูตินได้ลงนามในกฤษฎีกาเพื่อรับรองสถานะการเป็นรัฐอิสระและความเป็นเอกราชของทั้ง 2 แคว้น
ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐ ได้ตอบโต้ทันทีโดยได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี เพื่อห้ามไม่ให้ชาวอเมริกันทำการค้าและการลงทุนกับสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน
แต่อย่างไรก็ตามมองว่าตลาดหุ้นไทยจะไม่ปรับลดลงมากนัก เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งตัวขึ้นกว่า 4% จากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีและยูเครนที่เกิดขึ้น
พร้อมให้แนวรับที่ 1,680 จุด และ 1,670 จุด แนวต้าน 1,705-1,710 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการวันจันทร์ที่ 21 ก.พ.เนื่องในวันประธานาธิบดีสหรัฐ
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิด ร่วงลง 395.42 จุด หรือ -1.47% , ตลาดหุ้นจีน ลดลง 17.32 จุด หรือ -0.50% ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง ร่วงลง 477.53 จุด หรือ -1.98%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ก.พ.) ที่ระดับ 1,694.32 จุด ลดลง 18.88 จุด, -1.10%
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,419.31 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ก.พ.65
– ตลาดน้ำมันนิวยอร์กปิดทำการวันจันทร์ที่ 21 ก.พ.เนื่องในวันประธานาธิบดีสหรัฐ โดยเช้านี้ ณ เวลา 06.26 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 3.36 ดอลลาร์ หรือ 3.69% แตะที่ 94.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ก.พ.) อยู่ที่ 6.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 32.29 อ่อนค่าจากวานนี้ ตลาดกังวลสถานการณ์ยูเครนตึงเครียด-โควิดในปท.
– กบอ.เคาะตั้ง บริษัทอีอีซี พัฒนาสินทรัพย์สนามบินให้ สกพอ.ถือหุ้น 100% ลุยดึงอุตสาหกรรมการบินอู่ตะเภาพื้นที่ 474 ไร่ ยืนยันไม่เกี่ยวข้องสัญญากับ UTA เผย แก้สัญญาไฮสปีด 3 สนามบิน ยังไม่ได้ข้อสรุป สั่งหาข้อสรุปวันเริ่มนับหนึ่งสัมปทาน
– “ภากร” ชี้ ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทย มองเป็นเทรนด์ระยะยาว เหตุ บจ.ไทยแกร่ง-ต่อยอดธุรกิจนิวเอสเคิร์ฟ-กระจายลงทุนต่างประเทศ “บล.ทรีนี้ตี้” ลุ้นกลับมาซื้อชดเชยปี 63 ที่ขายสุทธิไปกว่า 2.6 แสนล้าน ด้าน “สบายฯ” เตรียมออกยูทิลิตี้โทเคน-ตั้งเป้ารายได้โตเท่าตัว “ทีพีไอพีพี” เดินหน้าสู่พลังงานสะอาด
– “อนุทิน” ลงนามประกาศ ติดโควิด-19 รักษาตามสิทธิ เริ่ม 1 มี.ค.นี้ ชี้เข้าข่ายอาการวิกฤติ-มีโรคร่วม รักษาฟรีทุกที่ ยันมีเตียงพอรองรับ พร้อมขยายเตือนภัยโควิดระดับ 4 ทั่วไทย ขณะที่นายกฯสั่งกองทัพปัดฝุ่นโรงพยาบาลสนาม 7 พันเตียง หลังยอดติดเชื้อพุ่งไม่หยุดแตะ 1.8 หมื่นราย
– สภาพัฒน์เผยจีดีพีปี 64 โตกว่าที่คาด เพิ่ม 1.6% ส่วนปี 65 คาดบวก 3.5-4.5% ค่ากลาง 4% ตามการบริโภค ท่องเที่ยว ส่งออก การลงทุนภาครัฐฟื้นตัว แต่ยังต้องจับตาปัจจัยเสี่ยง ทั้งเงินเฟ้อ โควิด-19 กลายพันธุ์ ปัญหาหนี้ ความขัดแย้งของโลก แย้มเตรียมถกคลัง-ธปท. หาทางออกแก้หนี้ครัวเรือน ด้านคลังชี้หนี้ครัวเรือนพุ่ง ยังไม่น่ากังวล เหตุเป็นหนี้เพื่อต่อยอดรายได้ “บิ๊กตู่”เป็นปลื้มเศรษฐกิจไทยปี 64 โตสูงกว่าคาด ย้ำเร่งฟื้นฟูท่องเที่ยว ลงทุนภาครัฐ ดันส่งออก ดูแลหนี้ครัวเรือน จำกัดวงโควิด-19 ต่อ
– “บิ๊กตู่”ย้ำรถไฟฟ้าสายสีเขียวยังไม่เข้า ครม. ต้องทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย “บิ๊กป๊อก” เผยมหาดไทย ตอบคำถามคมนาคมแล้ว “เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค” จี้ ครม. ถอนวาระพิจารณาต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว รอให้ผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่ตัดสินใจ
หุ้นเด่นวันนี้
– CHG (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 3.40 บาท ลุ้นกำไร รพ. ดีต่ออีก 2 ไตรมาส หลังยอดโควิด-19 ทรงตัวในระดับสูง ประเมินผู้ป่วยรักษาตามสวัสดิการแน่น หนุนกำไร รพ. โดย สธ. ยกระดับเตือนภัย “โควิด” ขึ้นระดับ 4 เสี่ยงการระบาดเพิ่มขึ้น คาดหนุน Sentiment ให้ นลท. Rotate เข้ากลุ่ม รพ. KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 1.37 พัน ลบ. และ 1.48 พัน ลบ. -55%YoY, +8%YoY ตามลำดับ
-JUBILE (โกลเบล็ก) “ซื้อ” เป้า 26.50 บาท คาดรายได้ปี 64 อยู่ที่ 1.5 พันลบ. ลดลง 18% เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในไตรมาส 2-3/64 และคาดกำไรจะลดลง 21%YoY สู่ 211 ลบ. อย่างไรก็ตามคาดว่ารายได้และกำไรปี 65 จะกลับมาขยายตัว 20%YoY และ 24%YoY สู่ 1.8 พันลบ. และ 263 ลบ. ตามลำดับ เนื่องจากคาดว่าโอกาสในการ ล็อกดาวน์ลดลงหลังกระทรวงสาธารณสุขประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นและสามารถรักษาตัวที่บ้านได้หากอาการไม่รุนแรง
-PSL (เมย์แบงก์) “ซื้อ” เป้าเชิงกลยุทธ์ 20.50 บาท คาดอุปสงค์สินค้าแห้งเทกองยังแข็งแกร่ง สอดคล้องกับรัฐบาลจีนที่ยังคงกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ในขณะที่เรือสั่งต่อใหม่มีเพียง 6.88% ของกองเรือโลก ต่ำสุดในรอบ 20 ปี สอดคล้องกับการฟื้นตัวของดัชนีค่าระวางเรือ โดยวานนี้ฟื้นตัว +4.1% ขึ้นสู่ 2045 จุด เพิ่มจิตวิทยาบวก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.พ. 65)
Tags: ตลาดหุ้น, หุ้นไทย, อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล