นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และนพ.ธเรศ กรัษนัยรวิงวค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แถลงข่าวชี้แจงกรณีข้อสงสัยประสิทธิภาพของวัคซีนที่นำมาใช้ในเด็กว่า จากการอภิปรายเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีบางประเด็นที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนจนอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเข้ารับวัคซีนของประชาชนได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของประเทศไทยเป็นไปบนพื้นฐานข้อมูลทางวิชาการ โดยยึดประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ
นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับวัคซีนสูตรไขว้ ได้มีการทบทวนและพิจารณาข้อมูลทางวิชาการจากผลการศึกษาต่าง ๆ ทั้งการศึกษาวิจัยของต่างประเทศ, ในประเทศ, การใช้จริงในพื้นที่และการศึกษาโดยคณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ ที่ศึกษาการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ในเด็ก อายุ 12-17 ปี พบว่าระดับภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นสูงกว่าการฉีดวัคซีนสูตรไฟเซอร์ 2 เข็ม นอกจากนี้ การใช้วัคซีนสูตรไขว้ โดยเริ่มจากวัคซีนเชื้อตาย ยังมีข้อดีคือ เป็นการปูพื้นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันก่อน เมื่อตามด้วยวัคซีนเข็มกระตุ้น จะเร่งภูมิคุ้มกันให้อยู่ในระดับสูงและสามารถฉีดครบโดสได้เร็ว 4 สัปดาห์เมื่อเทียบกับวิธีฉีดปกติที่ต้องใช้เวลา 8 สัปดาห์
“ประเทศไทย มีการจัดหาวัคซีนที่เพียงพอ เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนทุกคนที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทย โดยไม่เลือกเชื้อชาติ เพราะเป็นการสร้างความมั่นคงทางสุขภาพของประเทศ โดยเฉพาะหากเกิดการระบาดขึ้น และวัคซีนที่จัดหาได้นำไปฉีดให้กับประชาชนทุกคนอย่างคุ้มค่า ไม่มีวัคซีนเหลือทิ้งและยังสามารถบริจาควัคซีนให้กับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่น ๆ ที่ขาดแคลนวัคซีน เพื่อให้ทุกคนบนโลกปลอดภัยหากท่านใดยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน หรือฉีดครบ 2 เข็ม เกิน 3 เดือนแล้ว ขอให้ไปรับวัคซีนได้ ณ สถานพยาบาลของรัฐรวมถึง รพ.สต.ใกล้บ้าน” นพ.โอภาส กล่าว
ด้านนพ.ไพศาล กล่าวว่า อย.ยืนยันวัคซีนซิโนแวคในเด็ก 6-17 ปี มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดในกลุ่มเด็ก อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลวิชาการ ซึ่งวัคซีนโควิดในเด็กทุกชนิดจะอ้างอิงการศึกษาที่เก็บในช่วงที่มีการระบาดของสายพันธุ์เดลตา สำหรับข้อมูลด้านความปลอดภัย พิจารณาจากผลการใช้จริงในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 235 ล้านโดสในประเทศจีน โดยจากการติดตามเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการใช้วัคซีน โดยกรมควบคุมโรคของประเทศจีน ในกลุ่มเด็ก 3-17 ปี ในช่วงเดือน พฤษภาคม – ธันวาคม 2564 พบอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง เช่น โรคหลอดเลือดขนาดเล็กอักเสบการแพ้รุนแรง เป็นต้น ประมาณ 0.071 รายต่อผู้ใช้ 1 แสนราย ส่วนอาการไม่พึงประสงค์ไม่รุนแรง ได้แก่ ปวดบวมที่ฉีด ไข้ เป็นต้น พบประมาณ 10 รายต่อผู้ใช้ 1 แสนราย
สำหรับข้อมูลด้านประสิทธิภาพ จากการศึกษาโดยกระทรวงสาธารณสุขชิลี ในการฉีดวัคซีนซิโนแวคในเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไปจำนวน 1.9 ล้านคน ช่วงเดือน กันยายน – ธันวาคม 2564 สามารถลดการติดเชื้อได้ถึง 74% ลดการเข้าโรงพยาบาล 90% ลดการเข้าไอซียู และลดการเสียชีวิตได้ถึง 100% สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจึงพิจารณาให้มีการให้วัคซีนซิโนแวคในเด็กอายุ 6-17 ปีได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.พ. 65)
Tags: กระทรวงสาธารณสุข, วัคซีนต้านโควิด-19, วัคซีนสูตรไขว้, เกียรติภูมิ วงศ์รจิต