นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งผันผวนจากปัจจัยความตึงเครียดรัสเซียและยูเครนที่ไม่แน่นอน กดดันการลงทุนในตลาดหุ้น ส่งผลตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาย่อตัวลง และตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวลงตาม แต่ปัจจัยดังกล่าวมีผลต่อทิศทางราคาน้ำมันยังพุ่งต่อเนื่อง อาจช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยให้แนวต้าน 1,715 จุด แนวรับ 1,685 จุด
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวผันผวน จากความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ยังมีความไม่แน่นอน ส่งผลให้เกิดความกังวลมากขึ้น จะเห็นได้จากตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคีนวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง และตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้าวันนี้ก็ปรับตัวลงด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันยังปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะหนุนต่อหุ้นกลุ่มพลังงานในตลาดหุ้นไทยได้ แต่ยังต้องดูในภาพรวมว่าทิศทางของนักลงทุนจะมีการทยอยขายสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อป้องกันความเสี่ยงและรอดูความชัดเจนของปัจจัยดังกล่าวอย่างไร
โดยให้แนวต้าน 1,715 จุด แนวรับ 1,685 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (11 ก.พ.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,738.06 จุด ลดลง 503.53 จุด หรือ -1.43%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,418.64 จุด ลดลง 85.44 จุด หรือ -1.90% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,791.15 จุด ลดลง 394.49 จุด หรือ -2.78%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 390.16 จุด หรือ -1.4% , ตลาดหุ้นจีน ลดลง 11.1 จุด หรือ -0.32% ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 181.56 จุด หรือ -0.73%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ก.พ.) ที่ระดับ 1,699.20 จุด ลดลง 3.80 จุด, -0.22%
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,656.89 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ก.พ.65
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (11 ก.พ.) เพิ่มขึ้น 3.22 เซนต์ หรือ 3.6% ปิดที่ 93.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ก.พ.) อยู่ที่ 7.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 32.66 ตลาดจับตาสถานการณ์ยูเครน คาดกรอบวันนี้ 32.55-32.75
– สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกระทุ้งรัฐ ขอความชัดเจนคลอดนโยบายหนุนรถอีวี หลังล่าช้าทำตลาดชะงัก ผู้บริโภค-ผู้ผลิต ไม่กล้าตัดสินใจเดินหน้า หนุนรถเก่าและรถใหม่ที่เปิดทางให้ผู้บริโภคเลือกว่าจะแลกรถประเภทใดก็ได้ ไม่ใช่แค่อีวี
– คลังชงครม. 15 ก.พ.นี้ ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตร รัฐเฉือนเนื้อ 5.4 พันล้านบาทต่อเดือน แก้ปัญหาน้ำมันแพง หลัง “บิ๊กตู่” เรียกประชุมลับ ยันใช้กลไกกองทุนฯ และภาษี เข้ามาช่วยคู่กัน แก้เกมสิงห์รถบรรทุกขึ้นค่าขนส่ง ลากสินค้าขึ้นราคาตามประชาชนรับไม่ไหว
– “เศรษฐา ทวีสิน” ชี้อสังหาฯปี 65 ไม่สดใส ปัจจัยลบรอบด้าน หนี้ครัวเรือนสูง ยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง การเมืองไม่แน่นอน เงินเฟ้อดันรายจ่าย รายได้ลดฉุดกำลังซื้อ เตือน “รายเล็ก” ระวังลงทุน “แสนสิริ”กางแผนรับมือวิกฤติระยะยาว รุกธุรกิจใหม่ “กรีน-อาหารสุขภาพ-พลังงานสะอาด” ควบคู่ “ดิจิทัล แอสเสท” เสนอ ก.ล.ต.ปรับเกณฑ์ธุรกิจกรีน แนะ “นอนแบงก์” ลดดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 12% ใน 2 ปี ช่วยแก้หนี้ครัวเรือน
– นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ยืนยันที่จะเริ่มเก็บจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวประเทศไทยจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือที่เรียกกันติดปากว่าค่าเหยียบแผ่นดิน ในอัตรา 300 บาทต่อคนต่อครั้ง ภายในปีนี้แน่นอน แต่เลื่อนจากกำหนดเดิมเริ่มต้นจัดเก็บในเดือน เม.ย.ออกไปอีก 2 เดือน หรือประมาณเดือน มิ.ย.65 เนื่องจากมีขั้นตอนต้องนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะมีผลหลังจากนั้น 90 วัน ซึ่งต้องทำรายละเอียดเหล่านี้เสร็จสิ้นก่อนทางสายการบินต่างๆ ถึงจะมาสมัครทำข้อตกลงเข้าร่วมว่าจะเป็นผู้แทนในการจัดเก็บให้ได้อย่างไร ส่วนการจัดเก็บผู้เดินทางเข้าทางบกและทางน้ำ ยังอยู่ระหว่างหารือวิธีดำเนินการ
– รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท.ได้ส่งหนังสือเวียนถึงสถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (แบงก์รัฐ) ทุกแห่ง เพื่อออกแนวทางสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ธุรกิจที่มีเจ้าหนี้หลายราย ซึ่งให้มีความต่อเนื่องในการให้ความช่วยเหลือหลังจากภาคธุรกิจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยให้สถาบันการเงินและแบงก์รัฐลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือเอ็มโอยู ให้มีผลระหว่างวันที่ 1 ม.ค.65 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.66 รวม 2 ปี จากเดิมแนวทางปรับปรุงโครงสร้างหนี้ธุรกิจที่มีเจ้าหนี้หลายรายนี้ในโครงการดีอาร์บิซ การเงินร่วมใจ ธุรกิจไทยมั่นคงที่ได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.64
– แบงก์-นอนแบงก์ ขยายฐานลูกค้าสินเชื่อดิจิทัลปีเสือชิงตลาดคึกคัก แข่งออกผลิตภัณฑ์การเงินปล่อยกู้ลูกค้ากลุ่มที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อปกติ “ไทยพาณิชย์” ตั้งเป้าโต 100% “แบงก์กรุงเทพ” อยู่เฉยไม่ได้ โดดร่วมวงปล่อยกู้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์-ธุรกิจรายเล็ก “LINE BK” ชี้สมรภูมิเดือด หน้าเก่า-หน้าใหม่ลงสนามปล่อยกู้ผ่านแอปพรึ่บ 7 ยักษ์ธุรกิจกำใบอนุญาตเบียดชิงลูกค้า
– นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า เตรียมนำพื้นที่บริเวณศูนย์บริการทางด่วนบางโปรงทางด่วนบางพลี-สุขสวัสดิ์ เนื้อที่ 50 ไร่ ออกประมูลให้เอกชนเช่าพัฒนาเป็นศูนย์บริการที่พักริมทางขนาดใหญ่ (Service Center) โดยอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดโครงการซึ่งจะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนหรือพีพีพี
หุ้นเด่นวันนี้
– JWD (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” เป้าหมาย 23 บาท ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 4/64 เป็น 170 ลบ. All time high +22% Q-Q, +124% Y-Y หลัง Transimex (JWD ถือ 24.62%) ในเวียดนามประกาศงบแล้วออกมาโดดเด่นอย่างมาก ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-2565 ขึ้นเป็น +95% Y-Y และ +26% Y-Y ตามลำดับ ระยะยาวมองบวกจากการเก็บเกี่ยวประโยชน์จากการลงทุนหลายดีลในปีก่อน การฟื้นตัวของบ.ร่วมในเวียดนามและกัมพูชา และอยู่ใน supply chain ของ E-Commerce ที่เป็น Megatrend โลก
– TOP (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 63 บาท คาดมีกำไรสุทธิในไตรมาส 4/64 ที่ 4.8 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 134% yoy จากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.2 เหรียญ/บาร์เรล จาก 1.6 เหรียญ/บาร์เรล ในไตรมาส 3/64 และ อัตราการกลั่นปรับขึ้นสู่ระดับปกติที่ 108% เทียบกับไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 93%
– SCB (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 144.00 บาท หุ้นธนาคารใหญ่เป็นเป้าของ Flow ต่างชาติ ด้านพื้นฐานแกร่งตั้งเป้าสินเชื่อโต 3-5% ส่วน NPL ไม่เกิน 4% รับเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัว เดินหน้า Transform ธุรกิจ ปรับเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่ (Digital Finance) เป็นบวกต่อความสามารถในการทำกำไรและจะเพิ่ม ROE ในระยะยาว KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 3.99 หมื่น ลบ. และ 4.35 หมื่น ลบ. +11%YoY, +11%YoY ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.พ. 65)
Tags: ตลาดหุ้น, ถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย, หุ้นไทย