หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามภูมิภาค หลังเงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าคาด

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงตามภูมิภาค หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ทำให้อาจกดดันต่อการปรับลดสภาพคล่องของสหรัฐให้เร่งตัวขึ้น ให้แนวรับที่ 1,670-1,684 จุด และแนวต้าน 1,708-1,712 จุด

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง ตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่แกว่งไซด์เวย์ดาวน์ลงมา จากความเสี่ยงของอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่เร่งตัวขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาด จึงอาจเป็นแรงกดดันต่อโอกาสในการปรับลดสภาพคล่องของสหรัฐฯที่อาจจะเร่งเร็วและแรงขึ้น

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 7.5% ในเดือน ม.ค.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.2525 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.2% จากระดับ 7.0% ในเดือนธ.ค.

วันนี้ตลาดจะมีแนวรับที่ 1,670-1,684 จุด และแนวต้าน 1,708-1,712 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (10 ก.พ.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,241.59 จุด ลดลง 526.47 จุด หรือ -1.47%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,504.08 จุด ลดลง 83.10 จุด หรือ -1.81% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,185.64 จุด ลดลง 304.73 จุด หรือ -2.10%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ตลาดหุ้นจีน ลดลง 13.63 จุด หรือ -0.39% ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 87.15 จุด หรือ -0.35% ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ (11 ก.พ.) เนื่องในวันสถาปนาประเทศ

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ก.พ.) ที่ระดับ 1,703.00 จุด ลดลง 0.16 จุด, -0.01%

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 8,590.27 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ก.พ.65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 ก.พ.) เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 89.88 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ก.พ.) อยู่ที่ 7.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ 32.78 อ่อนค่าตามตลาดโลกหลังเงินเฟ้อสหรัฐพุ่ง

– สภาล่มครั้งที่ 17 “หอการค้า” ชี้เป็นอุปสรรคออกกฎหมายสำคัญ แนะเร่งจัดลำดับความสำคัญกฎหมายที่จะพิจารณา “เฟทโก้” ชี้ประเทศเดินหน้าต่อลำบาก นักลงทุนคาดปีนี้ยุบสภา “ธุรกิจท่องเที่ยว” แนะรัฐบาลก้าวข้ามความขัดแย้งการเมือง เร่งหนุนท่องเที่ยวสร้างรายได้ประเทศ

– สธ.เผยยอดผู้ป่วยหนัก-เสียชีวิต โควิด-19 ต่ำกว่าเดิม 10 เท่า ก่อนอายุ 60 ปีอัตราเสียชีวิต ต่ำกว่า 0.1 % ขณะที่สธ.ปลด “โรคโควิด-19” ออกจากป่วยฉุกเฉินรักษาได้ทุกที่ ติดเชื้อรักษาได้ตามสิทธิ พร้อมปรับอัตรารัฐจ่ายชดเชยค่าตรวจหาเชื้อ-ฮอสพิเทล ลดลงเท่าอัตรากักตัวที่บ้าน เริ่ม 1 มี.ค.นี้

– นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วหลังเผชิญวิกฤติโควิด-19 รัฐบาลตั้งเป้าในปี 65 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยว 50% ของปี 62 ที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงถึง 3 ล้านล้านบาท คิดเป็น 20% ของจีดีพี และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน หรือราว 1.5 ล้านล้านบาท จากนั้นในปี 66 ตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเป็น 20 ล้านคน และรายได้ 80% ของปี 62 หรือราว 2.4 ล้านล้านบาท และในปี 67 ตั้งเป้าให้สถานการณ์ฟื้นตัวกลับคืนมาหรือดีกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19

– ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยเอสเอ็มอี-สตาร์ทอัพ 10 ราย เตรียมพร้อมระดมทุน กระดานหุ้นที่ 3 “ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์” คาดเปิดเทรดเร็วสุดไตรมาส 2/65 เบื้องต้นเปิดซื้อขายเปลี่ยนมือวันละครั้ง

– ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยว่า รัฐบาลได้เร่งดำเนินการต่างๆ เพื่อดึงดูดเงินลงทุนรอบใหม่และเป็นการปรับฐานการลงทุนไทยอย่างแท้จริง โดยเน้นใน 3 อุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงหรือเอส-เคิร์ฟ ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวี, อิเล็กทรอนิกส์ และการท่องเที่ยว ซึ่งมีเป้าหมายดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในไทยภายใน 1-2 ปีนี้ ให้ได้ประมาณ 1 ล้านล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้

– TTB (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” เป้าหมาย 1.80 บาท คาดกำไรสุทธิปี 65 จะเติบโตสูงสุดในกลุ่มธนาคาร +27% Y-Y จากประโยชน์หลังการควบรวมเต็มปีทั้งการ Cross Selling รวมถึงลดค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน และเป็นธนาคารเดียวที่ ROE จะสูงเหนือระดับก่อน COVID-19 ฐานลูกค้าที่เป็นรายย่อยมากขึ้นทำให้ Loan Yield สูงและมีโอกาสเกิดการ Rerate Valuation ขึ้น ขณะที่ปัจจุบัน TTB ซื้อขายที่ระดับ PBV เพียง 0.6 เท่า ซึ่งเรามองว่าต่ำเกินไป

– MAKRO (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 44.00 บาท แนะทยอย “ซื้อ” รายได้ปี 65 โต Tesco ช่วยหนุน พร้อมขายอาหารสดเพิ่มขึ้นผ่านสาขา (กำไรดี), ด้านราคาหุ้น Laggard ต่างชาติเริ่มซื้อ เริ่มขยายสาขาใหม่ และปรับ Model จากการรวมกันของ MAKRO-Tesco นอกจากจะช่วยยกระดับฐานรายได้แล้ว ยังลดต้นทุนที่ซ้ำกันของทั้งคู่เป็นบวกต่อกำไร Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 64-65 ที่ 1.22 หมื่น ลบ. และ 1.6 หมื่น ลบ. +82%YoY, +32%YoY ตามลำดับ

– BLA (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 50 บาท ได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งแตะระดับ 1.95% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี BLA ได้ 2 ต่อ จากกำไรของเงินลงทุนเพิ่มขึ้น ตั้งสำรองลดลงส่งผลบวกต่อกำไรรวมโดยตรงและมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.พ. 65)

Tags: , , ,
Back to Top