นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันแห่งออสเตรเลียออกแถลงข่าวยอมรับความผิดพลาดของรัฐบาลภายใต้การบริหารของเขา โดยนายมอร์ริสันกล่าวว่า รัฐบาลได้ประเมินผลกระทบจากโอมิครอนต่ำเกินไป ส่งผลให้ประชาชนเกิดความผิดหวังและเจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนัก
นายมอร์ริสันถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหลังออสเตรเลียเผชิญปัญหาขาดแคลนชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในหลายพื้นที่ และยอดผู้ติดเชื้อจากสายพันธุ์โอมิครอนที่พุ่งสูงกว่า 1 ล้านคนในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา
“ผมได้ทำผิดพลาดไป” นายมอร์ริสันยอมรับ พร้อมเผยว่า ที่ผ่านมาเขามุ่งรักษาสมดุลระหว่างเป้าหมายด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ แต่การแพร่ระบาดของโอมิครอนได้ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา นายมอร์ริสันระบุว่า รัฐบาลออสเตรเลียได้ตัดสินใจใช้แนวทาง “ฝ่าฟัน” โควิด-19 แทนการกลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์
“เราอาจประเมินสถานการณ์ของช่วงฤดูร้อนดีเกินจริงไป” นายมอร์ริสันกล่าว และเสริมว่า การทำงานของรัฐบาลได้สร้างความผิดหวังให้กับประชาชนมากขึ้น เมื่อมีรายงานว่าการฉีดวัคซีนไม่สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของโอมิครอนได้
สำหรับปัญหาการขาดแคลนชุดตรวจหาเชื้อ นายมอร์ริสันได้ชี้แจงว่า รัฐบาลกลางของออสเตรเลียไม่ได้เตรียมรับมือกับความต้องการชุดตรวจที่เพิ่มขึ้น โดยเขาระบุว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานบริหารของรัฐต่าง ๆ เป็นฝ่ายรับหน้าที่จัดหาชุดตรวจหาเชื้อมาโดยตลอด
นอกจากนี้ นายมอร์ริสันยังได้กล่าวว่า ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ต่ำที่สุดในโลก ทั้งยังมีอัตราการฉีดวัคซีนที่สูง แม้จะล่าช้าในช่วงแรก ๆ อยู่บ้าง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.พ. 65)
Tags: COVID-19, สกอตต์ มอร์ริสัน, ออสเตรเลีย, โควิด-19, โอมิครอน