นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นในเดือน ก.พ.ว่า ดัชนียังคงมีแนวโน้มผันผวน ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ระดับ 1,620-1,680 จุด
ปัจจัยหนุนมาจากการเก็งกำไรการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนงวดปี 64 คาดว่าจะรายงานออกมาฟื้นตัวทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากสถานการณ์โควิดที่ดีขึ้น ประกอบกับการทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ล่าสุดกรมทางหลวงทุ่มงบประมาณ 4.5 พันล้านบาท เพื่อดำเนินการขยายเส้นทางมอเตอร์เวย์เชื่อมต่ออู่ตะเภา เพื่อรองรับการเดินทางในพื้นที่ EEC ซึ่งคาดว่าจะตอกเสาเข็มปลายปี 65 เพื่อให้ทันใช้สำหรับการเปิดสนามบินอู่ตะเภาในปี 68
อีกทั้งการผ่อนปรนเว้นการเก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้กำกับ ก.ล.ต.ทั้งภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% ภาษีมูลค่าเพิ่ม และยังให้นำผลขาดทุนมาหักกลบกับกำไรในปีภาษีเดียวกัน ของกรมสรรพากร ทำให้บรรยากาศการลงทุนกลับมาคึกคักมากขึ้น และราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับสูง
ขณะที่นักลงทุนยังวิตกกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อเนื่อง อาทิ ทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวขึ้นมากแต่ไม่สมดุลเนื่องจากมียอดการอุปโภคบริโภคที่อ่อนแอ รวมถึงความไม่แน่นอนจากการใช้มาตรการปราบปรามธุรกิจในภาคเทคโนโลยี และภาคการผลิตที่ชะลอตัว และทางโกลด์แมน แซคส์ปรับคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 5 ครั้งในปี 65 เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง โดยมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน มี.ค.นี้
และสถานการณ์ความตึงเครียดของเกาหลีใต้ และเกาหลีเหนือหลังคณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) ได้เปิดเผยว่าเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธที่ยังไม่ทราบชนิดอย่างน้อย 1 ลูกลงสู่ทะเลนอกชายฝั่งตะวันออกในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งถือเป็นการยิงขีปนาวุธครั้งที่ 7 ในเดือนนี้
รวมทั้งการจับตาการประชุมโอเปกพลัสในวันที่ 2 ก.พ. และการรายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือน ม.ค.จาก ADP สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ส่วนอียูจะมีการรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือน ม.ค. จากมาร์กิต ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย และการกำหนดประชุมเฟดในเดือน มี.ค.นี้
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้น 7 หุ้นเด่น ปัจจัยพื้นฐานแกร่ง และแนวโน้มการเติบโตของผลการดำเนินงานในปีนี้มีทิศทางที่สดใส และยังได้ประโยชน์จากการกลับมาใช้มาตรการ Test & Go วันแรกในวันที่ 1 ก.พ. โดยหุ้นที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์ ได้แก่ ERW, CENTEL, MINT, AOT, AAV, BA และ ASAP
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำยังเจอแรงกดดันจากความกังวลต่อสถานการณ์เงินเฟ้อค่อนข้างมาก พร้อมแนะจับตา Bond Yield และ Dollar Index อย่างใกล้ชิด หากตลาดเริ่มซึมซับแถลงการณ์ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ไปบ้างแล้ว อาจทำให้ Bond Yield เริ่มย่อตัว ตลาดผ่อนคลายความกังวลในระยะสั้นอาจทำให้ราคาทองคำรีบาวด์เหนือ 1,800 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ อีกครั้ง
โดยมีปัจจัยที่หนุนราคาทองคำคือ ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เริ่มทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เพราะรัสเซียซ้อมรบกับเบลารุสและนำกำลังทหารกว่า 100,000 นายประชิดชายแดนยูเครน ซึ่งไม่ห่างจากเมืองหลวงยูเครน ฝ่ายวิจัยประเมินว่าทั้ง 2 ปัจจัยข้างต้นอาจหนุนราคาทองคำในสัปดาห์หน้าปรับตัวขึ้นในกรอบ 1,775-1,830 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.พ. 65)
Tags: GBS, SET, วิลาสินี บุญมาสูงทรง, หุ้นโรงไฟฟ้า, หุ้นไทย, โกลเบล็ก, โรงไฟฟ้า