นักวิเคราะห์บล.กรุงศรี กล่าวว่า จากผลกระทบที่เกิดขึ้นกับบริษัทประกันในกลุ่มของประกันวินาศภัย มองว่าเกิดผลกระทบในวงจำกัด เพราะส่วนใหญ่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับบริษัทประกันที่มีการเสนอขายประกันโควิด-19 เจอ จ่าย จบ เป็นจำนวนมาก และเป็นกลุ่มบริษัทประกันที่มีกำไรสะสมน้อย และมี CAR Ratio ที่อยู่ในระดับไม่สูงมาก ทำให้มีผลกระทบต่อการดำเนินงานในเรื่องของสภาพคล่อง ส่งผลให้บริษัทประกันนั้นไม่สามารถชำระเงินเคลมประกันให้กับลูกค้าที่ซื้อกรรมธรรม์ได้ หรือนำไปสู่การเลิกกิจการอย่างกรณีที่เกิดขึ้นกับอาคเนย์ประกันภัย
ในกรณีของประกันโควิด-19 เจอ จ่าย จบ ที่มีปัญหาเกิดขึ้นนั้นมีไม่มากเพียง 4 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทประกันรายเล็กและรายกลาง ทั้งที่อยู่ในและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อเทียบกับบริษัทประกันที่เสนอขายประกันโควิด-19 เจอ จ่าย จบ ทั้งหมด 15-16 ราย ทำให้มองว่าผลกระทบในกลุ่มบริษัทประกันยังอยู่ในวงจำกัด แต่อาจจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าที่ซื้อประกันมากกว่า
อย่างไรก็ตาม จากกรณีล่าสุดที่ บมจ.เครือไทย โฮลดิ้งส์ (TGH) ได้ตัดสินใจเลิกกิจการอาคเนย์ประกันภัย ส่งผลต่อความเชื่อมั่นกับลูกค้าที่ซื้อประกันค่อนข้างมาก แต่มองที่ตัวบริษัทนั้นการเลิกธุรกิจประกันภัยไปไม่ได้มีผลกระทบต่อธุรกิจประกันชีวิตและธุรกิจอื่นๆในเครือ หรือมีผลกระทบต่อธุรกิจโบรกเกอร์ประกัน ซึ่งยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติ และบริษัทประกันรายใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯก็มีหลายบริษัทประกันรายใหญ่ที่มีความแข็งแรง จากการที่มีกำไรสะสม และ CAR Ratio ที่สูง และหากมีการเสนอขายประกันโควิด-19 เจอ จ่าย จบ ในช่วงที่ผ่านมา ก็มีสัดส่วนที่น้อยราว 10% หรือไม่ถึง 10% พอร์ตรวม
“ประเด็นประกันเจอจ่ายจบคงไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะบริษัทประกันเจ้าใหญ่ๆ ที่เราเห็นมีกำไรสะสม และมี CAR Ratio สูงๆ แต่อาจมีผลทางความเชื่อมั่นของลูกค้าในระยะสั้นอยู่บ้าง ซึ่งก็ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจประกัน และบริษัทประกันนั้นถ้าประกันวินาศภัยกระทบ แต่ประกันชีวิต หรือแม้แต่โบรกเกอร์ประกัน ก็ไม่ได้กระทบด้วย ทำให้ผลกระทบค่อนข้างจำกัด และมองภาพต่อไปดอกเบี้ยขาขึ้นก็ยิ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อธุรกิจประกันที่จะได้รับอานิสงส์จากดอกเบี้ยขาขึ้นด้วย” นักวิเคราะห์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ม.ค. 65)
Tags: TGH, บล.กรุงศรี, ประกันภัย, หุ้นไทย, อาคเนย์ประกันภัย, เครือไทย โฮลดิ้งส์