บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น (SAMART) มั่นใจว่าผลประกอบการโดยรวมในปี 65 จะฟื้นตัวเป็นบวกกว่า 60% จากปีก่อน โดยปัจจุบันมีมูลค่างานในมือ (Backlog) แล้วกว่า 22,000 ล้านบาท พร้อมทั้งตั้งเป้าประมูลงานใหม่มูลค่ารวมกันไม่ต่ำกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท และบริษัทยังจะเร่งการฟื้นตัวของ บมจ.สามารถ ดิจิตอล (SDC) ด้วยการผลักดันธุรกิจทางด้าน Digital Lifestyle ในรูปแบบ Start up อย่างจริงจัง
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์และการพัฒนาธุรกิจใหม่ SAMART เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมในปี 65 ไว้ที่ 14,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากปีก่อน ขณะที่ตั้งงบลงทุนทั้งปีไม่เกิน 1,500 ล้านบาท โดย 1,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนขยายเครือข่าย Digital Trunk และปรับปรุง IT ส่วนการลงทุนระบบ IT รองรับสนามบินใหม่ในกัมพูชาใช้เงินประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับรายได้ในปีนี้จะมาจากรายได้สายธุรกิจ Digital ICT ภายใต้การบริหาร บมจ.สามารถเทเลคอม (SAMTEL) จำนวน 7,000 ล้านบาท, สายธุรกิจ Digital ภายใต้การบริหาร บมจ.สามารถดิจิตอล (SDC) จำนวน 3,000 ล้านบาท สายธุรกิจ Utilities & Transportation ผ่านกลุ่มสามารถยูทรานส์ จำนวน 2,500 ล้านบาท และสายธุรกิจอื่นๆ อีก 1,500 ล้านบาท โดยจะรวมรายได้จากโครงการ Direct Coding ที่มีมูลค่างาน 8,032 ล้านบาท ระยะเวลา 7 ปีๆละประมาณ 1,100 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้ในไตรมาสแรกของปีนี้
“ปีนี้เรามีความมั่นใจที่ตั้งเป้ารายได้ว่าจะทำได้ เพราะเรามี Backlog อยู่กว่า 2 หมื่นล้านบาท ปีนี้จะเห็น SDC มีการเปลี่ยนแปลงมาก ส่วน SAMTEL ทยอยหาลูกค้าใหม่เข้ามา เราอยากเติบโตมั่นคงมากขึ้น เรามั่นใจทั้งทีมงาน ลูกค้า ซึ่งก็มีงานเข้ามาเรื่อยๆ และในไม่ช้าก็จะมีงานใหญ่จะได้มาอีก… ปีนี้กลุ่ม SAMART น่าจะ Turnaround”
นายวัฒน์ชัย กล่าว
ทั้งนี้ ในงวด 9 เดือนปี 64 SAMART มีผลขาดทุน 291.27 ล้านบาท และทั้งปี 63 มีผลขาดทุน 309.14 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดโควิด-19
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า ปัจจุบัน กลุ่ม SAMART มี Backlog ราว 22,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ 80-90% เป็นงานภาครัฐ และยังมีงานที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาในไตรมาส 1/65 ราว 3 พันล้านบาท คาดว่าในปีนี้กลุ่ม SAMART จะมีงานใหม่เข้ามาราว 12,000 ล้านบาท โดยจะมาจาก SAMTEL 11,000 ล้านบาท ซึ่ง Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 7,200 ล้านบาท และบริษัท เทด้า คาดว่าจะได้งานใหม่ 1,000 ล้านบาท จากที่มี Backlog กว่า 3,300 ล้านบาท
SAMTEL คาดว่าปี 65 จะมีรายได้ 7,000 ล้านบาท เติบโต 30-40% จากปีก่อน โดยมาจากรายได้ประจำ 2,000 ล้านบาท ขณะที่มองแนวโน้มที่จะได้รับงานใหม่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากหน่วยงานรัฐมีแผนให้บริการดิจิทัล (e-Government Services) มากขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้จะได้รับงานใหม่จาก Government Service Outsource ราว 5,000 -6,000 ล้านบาท, Utility Sector ซึ่งลูกค้า ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือด้าน Cyber Security คาดว่าจะมีมูลค่า 6,500 ล้านบาท และ ลูกค้ากลุ่มธนาคาร ได้แก่ บริการ Digital Banking , Smart Branch Outsource มูลค่า 750 ล้านบาท
บริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิส จำกัด (CATS) ที่ดำเนินธุรกิจด้านการจราจรทางอากาศในประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ. สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ (SAV) และอยู่ในกลุ่มสามารถยูทรานส์นั้น มีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของรายได้ชัดเจนขึ้น และคาดว่าปี 65 จะไม่มีผลขาดทุน หรือ Breakevent หลังจากได้รับผลกระทบโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากกัมพูชาเปิดให้มีการเดินทางเข้า-ออกประเทศภายใต้ข้อกำหนดได้ตั้งแต่เดือน พ.ย.64 ผ่านสนามบินนานาชาติ ทั้ง 3 แห่ง ส่งผลให้มีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น
นอกจากนั้น รัฐบาลกัมพูชายังมีแผนเปิดให้บริการสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ DARA SAKOR รองรับผู้โดยสาร 50 ล้านคน , เสียมเรียบใหม่ รองรับผู้โดยสาร 20 ล้านคน และพนมเปญใหม่ รองรับผู้โดยสาร 50 ล้านคน จะทำให้แนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจเป็นบวกในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การนำ SAV เข้าตลาดหุ้นก็ยังต้องเลื่อนออกไปเป็นราวในปี 66 เพราะต้องรอผลประกอบการของบริษัทให้ดีขึ้นก่อน ซึ่งรอ CATS กลับมามีกำไร
ส่วนบริษัท สามารถยูทรานส์ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาด้านพลังงานทางเลือกและพลังงานสะอาด เพื่อการลงทุนในอนาคต โดยเราไม่ทิ้งโอกาส แม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีหน่ายงานรัฐรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน
SDC ปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่
นายวัฒน์ชัย กล่าวอีกว่า ในปีนี้ บมจ.สามารถดิจิตอล (SDC) จะมีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ และจะเห็นการฟื้นตัวชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยจะมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่รอเข้าคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติในเดือน ก.พ.65
“ปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงมากสำหรับ SDC และจะแตกออกมาเป็น Start up แยกทำเป็นบริการ”
นายวัฒน์ชัย กล่าว
ทั้งนี้ SDC มีแผนจะจัดตั้งบริษัทในรูปแบบ Start up รองรับแต่ละบริการ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการนำเสนอแผนธุรกิจต่อนักลงทุนที่ให้ความสนใจ คาดว่าจะสามารถเปิดตัวบริษัทใหม่ได้ในไตรมาส 2/65 ปีนี้
ปัจจุบัน SDC มี 2 สายธุรกิจคือ ธุรกิจ Digital Trunk Radio ในปีนี้คาดว่าจะมีจำนวน Subscribers เพิ่มเป็น 1.2 แสนราย จาก 8.9 หมื่นรายในปีก่อน และ ธุรกิจ Digital Contents &Services ที่จะทยอยการออกบริการใหม่ๆ เพิ่มขึ้น คาดว่าปีนี้มีรายได้ 3,000 ล้านบาท เติบโต 200% จากปีก่อน
โดยเฉพาะธุรกิจ Digital Contents &Services ปัจจุบันมีบริการแอปพลิเคชั่นดูดวงชะตา ซึ่งบริษัทมีประสบการณ์การให้บริการ Content ด้านโหราศาสตร์มากว่า 25 ปีผ่านมาผ่าน Horoworld Application รวมถึงการดูโหงวเฮ้ง ฮวงจุ้ย และฤกษ์มงคลต่างๆ ในปีนี้เตรียมเปิดตัวอีกหนึ่ง Online Service สำหรับสายบุญทั้งในและต่างประเทศ สามารถไหว้พระ บริจาคเงิน แก้บน เสี่ยงเซียมซี และการบูชาวัตถุมงคล ผ่าน NFT หรือ เหรียญบุญ ได้กับทุกวัด ทุกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยไม่ต้องเดินทาง โดย 2 บริการนี้จะเป็น Flagship ให้กับบริการ Lifestyle Content
นอกจากนี้ ยังแผนจะเพิ่ม Content เกี่ยวกับสายกีฬา สายสุขภาพ กิน ดื่ม เที่ยว สัตว์เลี้ยง เป็นต้น
บริการ Content จะขยายเฟส 1 ที่เปิดระบบ IOS ดาวน์โหลดแอปฯได้ ในเดือน มี.ค.65, เฟส 2 จะมีการดูฮวงจุ้ยเสมือนจริง (AR Feng Shui) เพิ่ม content ด้านดูดวง, Animation Program และเฟส 3 ขยาย Content เป็นหลายภาษามากขึ้น รวมทั้งมาร์เก็ตเพลสวัตถุมงคล ผ่าน NFT (เหรียญบุญ) หรือการทำบุญออนไลน์ ไหว้พระ ฟังเทศน์ บริจาค เสี่ยงเซียมซี จะอยู่ในเฟส 2 ด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ม.ค. 65)
Tags: SAMART, SAMTEL, SDC, วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์, สามารถคอร์ปอเรชั่น, หุ้นไทย