นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ออกข้าง นักลงทุนยังรอดูผลการประชุมเฟดคืนวันนี้ หากออกมาตามคาดการณ์ว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยแน่นอนในเดือนมี.ค. ก็จะทำให้บรรยากาศการลงทุนระยะสั้นผ่อนคลายขึ้น ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ ให้กรอบแนวรับ 1,630 จุด แนวต้าน 1,645 จุด
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ออกข้าง เนื่องจากนักลงทุนยังรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนวันนี้ว่าจะออกมาตามคาดการณ์หรือไม่เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหากมีการส่งสัญญาณว่าในการประชุดเฟดครั้งถัดไปในเดือนมี.ค.นี้จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแน่นอน รวมไปถึงแนวโน้มเงินเฟ้อ และการลดขนาดงบดุล จะทำให้บรรยากาศการลงทุนระยะสั้นน่าจะผ่อนคลายขึ้นได้บ้าง
ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบสลับกัน
ให้กรอบแนวรับไว้ที่ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,645 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (25 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,297.73 จุด ลดลง 66.77 จุด (-0.19%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,356.45 จุด ลดลง 53.68 จุด (-1.22%) และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,539.30 จุด ลดลง 315.83 จุด (-2.28%)
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 25.36 จุด หรือ -0.09% , ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 9.36 จุด หรือ +0.28% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 99.29 จุด หรือ +0.41%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ม.ค.) 1,639.09 จุด ลดลง 1.45 จุด, -0.09%
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,376.49 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ม.ค.65
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 ม.ค.) ปิดที่ระดับ 85.60 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.29 ดอลลาร์ หรือ 2.8%
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ม.ค.) อยู่ที่ 6.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 33.00 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 32.90-33.10 จับตาผลประชุมเฟด-สถานการณ์ยูเครน
– “แบงก์ชาติ-ก.ล.ต.-คลัง” ร่างเกณฑ์ห้ามใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสื่อกลางชำระสินค้า-บริการ เหตุราคาผันผวน-เสี่ยงถูกแฮกข้อมูล-ตกเป็นเครื่องมือฟอกเงิน เน้นกำกับผู้ประกอบการที่ให้บริการ ห้ามสนับสนุน-ส่งเสริมให้ร้านค้ารับชำระเงิน พร้อมเฮียริ่งผู้ที่เกี่ยวข้องถึง 8 ก.พ.65
– สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลเปิดหน้าไพ่ขอยกเว้นเก็บภาษีคริปโตเคอร์เรนซี 5 ปี หนุนฟินเทคและสตาร์ตอัพให้เติบโตก่อน เนื่องจากการซื้อขายคริปโตเพิ่งเกิดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ด้าน “อาคม” ย้ำสนับสนุนแต่ต้องกำกับดูแลด้วย ยืนยันเคาะวิธีปฏิบัติ ทั้งการคำณวนและการผ่อนผันการยื่นภาษีคริปโทภายในเดือน ม.ค. เพื่อให้ทันกรอบยื่นภาษีปีนี้
– “หมอประสิทธิ์” คณบดีคณะแพทย์ศิริราช เผยไทยมีโอกาสสูงที่เข้าสู่ช่วงปลายโควิดระบาด ระบุอัตรานอน รพ.ของโอมิครอนน้อยกว่าเดลตา รับวัคซีนครบช่วยลดเกิด Long COVID 49% เร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 แนะติดตามข้อมูลก่อนฉีดเข็ม 4 คาดอีกไม่นานมีวัคซีนรุ่น 2 ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อเปิดลงทะเบียนฉีดเข็ม 4 ให้กับประชาชนทั่วไป
– กองทุนน้ำมันฯควักอุ้มดีเซล 3.09 บ./ลิตรแล้วเพื่อตรึงราคาขายปลีกไม่ให้เกิน 30 บ./ลิตรตามนโยบายรัฐบาล แต่มีเพียง PTT Station และบางจากที่ยังคงรักษาระดับราคาไม่เกินเพดานดังกล่าวได้ โดยกองทุนฯต้องดึงเงินคนใช้เบนซินมาชดเชยเพิ่ม พร้อมควักอุ้ม LPG 14.86 บาทต่อกก. ทำให้ฐานะกองทุนฯบักโกรกติดลบทะลุ 1.23 หมื่นล้านบาท จับตาม็อบรถบรรทุกนัดรวมพล ก.พลังงาน 8 ก.พ.นี้ขู่ยกระดับขับไล่ รมว.พลังงานและรัฐบาล
– บอร์ด ป.ป.ส.มีมติเห็นชอบ ร่างประกาศ สธ.ให้กัญชาพ้นจากยาเสพติดประเภท 5 “สมศักดิ์” ระบุปลูกกัญชาเสรี ต้องมี กม.รองรับ ด้าน “อนุทิน” เผย 26 ม.ค.นี้ ยื่น กม.กัญชง กัญชา เข้าสภาฯ ให้ชาวบ้านปลูกได้ เพียงแค่จดแจ้ง หวังว่า ส.ส.ทุกคนจะให้ความร่วมมือด้วย คาดมีผลบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจาฯ 120 วัน ยันทำตามนโยบายที่ “ภูมิใจไทย” ได้หาเสียงไว้แล้ว
– “พิพัฒน์” เตรียมหารือ “สาธารณสุข” หาทางเปิดเพิ่มพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ตั้งเป้ามีแหล่งท่องเที่ยวแลนด์มาร์กประจำแต่ละภาค กระจายทัวริสต์จับจ่ายเม็ดเงินสู่ท้องถิ่น ตามรอย “หัวหิน-ชะอำ” หลัง “ศบศ.” เห็นชอบโครงการ “ไทยแลนด์ เวลเนส แซนด์บ็อกซ์
หุ้นเด่นวันนี้
– KCE (เอเชียเวลท์) “ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 101 บาท มีมุมมองบวกจากเหตุผลสำคัญให้เป็น Top Pick กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจาก (1) ตลาดอิเล็กทรอนิกส์ภาพรวมเติบโตจากทั้ง Semiconductor สมาร์ทโฟน รวมไปถึงเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า และ (2) แผนเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับดีมานด์ที่เติบโตของตลาด ขณะที่ราคาหุ้นปรับลดลงกว่า 18% ในรอบ 1 เดือนเป็นผลจากความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มที่ถูกคาดหมายเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามปัจจัยพื้นฐานของ KCE ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ราคาหุ้นที่ปรับลดลงมองเป็นจังหวะการเข้าลงทุนที่ดี
– CPALL (เอเซีย พลัส)”ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 70.20 คาดว่ากำไรจะกลับมาฟื้นตัวได้ถึง 107% ในปี 65 สูงขึ้นจากฐานปี 64 ที่ต่ำลง การฟื้นตัวจะมาจากผลบวกที่คาด SSSG ทุก Format และพื้นที่เช่า CPRD (Lotus’s) คาดฟื้นตัวตามภาพรวมกิจกรรมเศรษฐกิจ, ท่องเที่ยวที่กลับมา และมาร์จิ้นที่ลดลงฟื้นตัวขึ้นจากผลกระทบ COVID ที่ลดลง
– TKS (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 บาท คาดกำไร Q4/64 เติบโตโดดเด่นตาม SYNEX ที่เป็น High Season ขณะที่ Q1/64 คาดยังแข็งแรงต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากมาตรการช้อปดีมีคืน ซึ่งผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้า IT มากที่สุด ราคาหุ้นยังคงมี Discount จาก NAV ของ SYNEX กว่า 30% และเทรด PER เพียง 13 เท่า ซึ่งค่อนข้างต่ำหลังจากปรับตัวลงแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระยะสั้นประเมิน Downside จำกัดขึ้น
– ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ บมจ.แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี ครั้งที่ 2 (AIT-W2) เริ่มทำการซื้อขาย 26 ม.ค.65 จำนวนหน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน 515,787,676 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ (ใบสำคัญแสดง:หุ้นสามัญใหม่) 1 : 1 ราคาการใช้สิทธิ 2.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ออกและเสนอขาย (13 มกราคม 2565) วันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ก.ย. 2565 วันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 12 ม.ค. 2567
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ม.ค. 65)
Tags: SET, ตลาดหุ้นไทย, วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา, หุ้นไทย