รมว.พาณิชย์ กำกับวอร์รูมแก้ปัญหาสินค้าแพง พร้อมสั่งใช้กฎหมายเคร่งครัด

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะทำงานกำกับติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าแก้ไขปัญหาและดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนและกระทำความผิด ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยระบุว่า วันนี้เป็นการประชุมวอร์รูมของกระทรวงพาณิชย์ โดยลงนามแต่งตั้งให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานในระดับส่วนกลาง และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเป็นประธานในส่วนภูมิภาคและระดับจังหวัด

โดยได้มอบหมายอำนาจหน้าที่สำคัญให้วอร์รูมรับไปดำเนินการ ใน 3 ข้อ คือ 1.ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการโดยใกล้ชิด 2.ให้ลงมือแก้ปัญหาทันทีที่พบปัญหาเกิดขึ้น ทั้งเรื่องปริมาณและราคาสินค้า 3.เมื่อพบการกระทำความผิด ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฏหมายโดยเคร่งครัด

ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้รายงานว่า มีการจัดชุดเฉพาะกิจในรูปแบบบูรณาการของกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ในส่วนกลางจำนวน 55 ชุด เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการให้เป็นไปตามกฎหมาย ถ้าพบการกระทำความผิด ไม่ปิดป้ายราคาสินค้า หรือขายเกินราคาป้ายที่ปิดไว้ รวมทั้งถ้าพบการกักตุน หรือการค้ากำไรเกินควร ก็ให้ดำเนินการโดยเคร่งครัดตามกฎหมาย ซึ่ง 55 ชุดนี้ จะไม่รวมในส่วนของภูมิภาคและจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวเรือใหญ่ในการดำเนินการ

นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า จากที่การประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (24 ม.ค.) ได้เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอให้ไก่และเนื้อไก่เป็นสินค้าควบคุมนั้น วันนี้จึงได้ลงนามประกาศให้ไก่และเนื้อไก่เป็นสินค้าควบคุม และจะลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งถือว่าจะมีผลบังคับใช้ในทันที และจะมีการกำหนดมาตรการให้ผู้ที่ครอบครอง ผู้ผลิตแปรรูปต่างๆ แจ้งต้นทุน และปริมาณการครอบครองซึ่งจะเป็นมาตรการที่ตามมา

นอกจากนี้ ได้มีการประชุมโดยกรมการค้าภายในร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งเกษตรกรและโรงชำแหละ ห้างค้าปลีก-ค้าส่ง ที่มีข้อสรุปร่วมกันว่าจะตรึงราคาไก่หน้าฟาร์มไว้ที่ไม่เกินกิโลกรัมละ 40 บาท เท่าที่ตรวจสอบยังไม่ถึง 40 บาท อยู่ในช่วงราคาประมาณ 38-39 บาทต่อกิโลกรัม

ขณะเดียวกัน มีการร่วมมือกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับห้างแม็คโคร โลตัส และบิ๊กซี เพื่ช่วยตรึงราคาเนื้อไก่สำหรับการบริโภค อย่างน้อยทั้ง 4 รายการ ในทุกสาขาทั่วประเทศ ดังนี้ 1.ไก่สดทั้งตัว ตรึงราคาที่ 60-65 บาท/กก. 2.น่องติดสะโพกราคา 60-65 บาท/กก. 3.น่องแยกกับสะโพก 65-75 บาท/กก. และ 4.เนื้อหน้าอก ตรึงราคาไว้ที่ 70-75 บาท/กก.

โดยราคาดังกล่าวเป็นราคาชี้นำ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภค และถือเป็นราคาอ้างอิงที่กระทรวงพาณิชย์หรือภาครัฐได้ร่วมมือกับเอกชนในการจัดเนื้อไก่ราคาถูกสำหรับตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งประเทศ

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ประชุมร่วมกับผู้ที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตและการจำหน่ายทั้งหมดในหลายหมวดสินค้า และมีการตรึงราคาสินค้าในหมวดสำคัญในชีวิตประจำวันของหลายหมวดเช่น 1. หมวดซอสปรุงรส 2. หมวดน้ำอัดลม 3.หมวดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 4.หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า 5. ไข่ไก่ สำหรับสุกรตรึงราคาหน้าฟาร์มไว้ที่กิโลกรัมละ 100-110 บาท ซึ่งจะส่งผลให้หมูเนื้อแดง มีราคาอยู่ที่กก.ละ 200-210 บาทโดยประมาณ

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาเรื่องหมูจำเป็นที่หลายกระทรวงจะต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาในนามของรัฐบาล โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวเรือใหญ่ และประกอบด้วยหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เมื่อปริมาณหมูในระบบขาดหายไป ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ว่าปริมาณกี่เปอร์เซ็นต์ จะมีผลกับราคามากน้อยอย่างไร ซึ่งทางแก้ต้องเติมปริมาณหมูเข้าสู่ระบบให้มากขึ้น

ขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์จะเป็นหน่วยงานหลักในการเร่งดำเนินการป้อนลูกหมูเข้าสู่ระบบ นอกจากนั้นรัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงการคลัง จัดเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเงื่อนไขผ่อนปรน เพื่อส่งเสริมให้ผู้เลี้ยงหมูรายย่อยเลี้ยงหมูเข้าสู่ระบบมากขึ้นโดยเร็วที่สุด และดำเนินการทำให้ราคาเนื้อหมูปลายทางสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น

ส่วนเรื่องน้ำมันปาล์ม ยอมรับว่าน้ำมันปาล์มบรรจุขวดราคาปรับสูงขึ้นจริง เพราะราคาผลปาล์มดิบมีราคาสูงขึ้นมาก โดยปัจจุบันนี้ขึ้นจากกิโลกรัมละ 2 บาทกว่า เป็นกิโลกรัมละ 10-11 บาท เกษตรกรพอใจมากและสามารถแก้ปัญหาในฝั่งเกษตรกรได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ดี เมื่อผลปาล์มราคาสูงขึ้นมาก จะทำให้ต้นทุนของโรงสกัด และโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดสูงตามขึ้นไปด้วย

“ได้มอบนโยบายว่าต้องทำให้ทั้ง 3 ฝ่าย สามารถอยู่ด้วยกันได้ ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค เพื่อหาจุดสมดุลให้ได้มากที่สุด โดยได้มอบกรมการค้าภายในกับวอร์รูมช่วยกัน และที่ต้องเดินหน้าต่อไป คือรถโมบายพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน Lot 16 ที่จะจบโครงการในวันที่ 31 มกราคม จะดูให้เกิดความต่อเนื่อง เพราะประชาชนพอใจมาก”

นายจุรินทร์ กล่าว

ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ที่ซาอุฯ ประสานงานกับทางการของซาอุฯ และรายงานมาที่ตนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้ติดตามมาตลอดโดยเฉพาะสินค้าบางรายการที่มีโอกาสดี เช่น เนื้อไก่ ที่พบว่ามีความคืบหน้ามาโดยลำดับ

“แต่ทั้งหมด ยังนับหนึ่งไม่ได้ เพราะต้องรอความสัมพันธ์ทางการทูตที่เป็นทางการ การที่ท่านนายกฯ เดินทางไปครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์มาก เท่ากับช่วยเปิดประตูให้กระทรวงพาณิชย์สามารถดำเนินการต่อไปได้ในสินค้าหลายตัว”

นายจุรินทร์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ม.ค. 65)

Tags: , , , , , ,
Back to Top