บล.คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) มอง SET Index ต้นสัปดาห์เผชิญปัจจัยลบจากต่างประเทศ ระหว่างรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) .ในช่วงวันที่ 25-26 ม.ค.65 หลังจากนั้นคาดว่าจะได้รับปัจจัยจิตวิทยาในเชิงบวก
ทั้งนี้ วันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐทั้งดาวโจนส์ และ NASDAQ) ยังคงปรับฐานลงต่อเนื่อง 1.3% และ 2.7% ซึ่งเกิดจากการปรับฐานลงของหุ้น Netflix แม้จะรายงานกำไรต่อหุ้นที่ดีกว่า Bloomberg คาดการณ์ แต่นักลงทุนให้น้ำหนักกับจำนวน Subscribers ที่บริษัทเปิดเผยว่าในช่วง Q1/65 คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นเพียง 2.5 ล้านเทียบกับ Q1/64 ที่ 3.98 ล้านราย ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 6.93 ล้านราย จึงเกิดแรงขายและกดดันตลาดหุ้นสหรัฐในภาพรวม ดังนั้น SET อาจเผชิญจิตวิทยาเชิงลบบ้างในช่วงต้นสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเชื่อว่าตลาดจะไปให้น้ำหนักกับการประชุมเฟดในวันที่ 25-26 ม.ค.ซึ่งจะทราบผลอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดีที่ 27 ม.ค.ช่วงเช้าตามเวลาในประเทศไทย เบื้องต้นตลาดคาดว่าเฟดจะยังคงดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ (5.4% โอกาสขึ้นดอกเบี้ยการประชุมครั้งนี้) แต่ตลาดคาดว่าดอกเบี้ยจะถูกปรับขึ้นใน มี.ค.65 ด้วยโอกาส 100% และปรับขึ้นทั้งหมด 4 ครั้งในปีนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณ QT ช่วงกลางปี 65 หากออกมาเป็นไปตามนี้ตลาดหุ้นสหรัฐอาจมีโอกาสถูกซื้อกลับได้ เนื่องจากก่อนหน้าได้ปรับฐานลงมาแล้ว 6.8% (Inline ตลาด) และ SET ก็อาจได้จิตวิทยาเชิงบวกบ้าง แต่หากส่งสัญญาณเข้มงวดกว่าข้างต้นก็อาจจะเผชิญการปรับฐานลงได้ต่อ
สำหรับผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 4/64 ของ SET100 กำไรรวมกลุ่มอยู่ที่ 3.56 หมื่นล้านบาท (+27%YoY +2%QoQ) หลักๆ เป็นผลจากรายได้ทั้งดอกเบี้ยและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยขยายตัวได้ และค่าใช้จ่ายด้านสำรองหนี้สงสัยจะสูญลดลง สำหรับแนวโน้มข้างหน้าประเมินว่ายังสดใสหนุนจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวหลังคลายล็อกดาวน์ หนุนสินเชื่อและรายได้ดอกเบี้ยเติบโตประกอบกับก่อนหน้าธนาคารพาณิชย์ก็ได้ตั้งสำรองไปพอสมควรแล้ว จึงน่าจะเห็นสำรองที่ลดลงจากนี้ เป็นบวกต่อผลประกอบการ
สัปดาห์นี้คาดว่าจะมี (SCC SCGP PTTEP DTAC) รายงานกำไรไตรมาส 4/64 ส่วนปัจจัยอื่นๆได้แก่ (1) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันจันทร์ (PMI ภาคผลิต) Bloomberg ประเมินที่ 56.9 วันอังคารความเชื่อมั่นผู้บริโภค Bloomberg ประเมินที่ 111.9 เชื่อว่าตลาดอยากเห็นตัวเลขที่มิร้อนแรงจนเกินไปนักเพื่อลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ประเมินกรอบทั้งสัปดาห์ 1,640-1,670 จุด
กลยุทธ์การลงทุนมองกลุ่ม Bank สัปดาห์ก่อนที่เผชิญแรง Sell On Fact เป็นโอกาสสะสมด้วยแนวโน้มที่ยังสดใส Top Pick (BBL KBANK) รวมถึง Laggard Play ที่น่าสนใจ (BEM BJC CPALL M MAJOR MINT SHR) ส่วน Trading หากรับความเสี่ยงต่ำอาจรอผลประชุมเฟดให้เสร็จสิ้นก่อนแล้วค่อยพิจารณา แต่หากรับความเสี่ยงได้สูง แนะกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) โรงกลั่น (BCP SPRC TOP) ท่องเที่ยว (AOT MINT)
MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 38 บาท) ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ COVID-19 ที่คลี่คลายเช่นกัน ขณะที่ปัจจุบัน COVID-19 ใน EU ก็เริ่มมีการระบาดที่ลดลง (รายได้หลัก) โดยเราประเมินปีนี้ MINT จะกลับมามีกำไรครั้งแรกในรอบ 2 ปี
KBANK (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 172 บาท) กำไรสุทธิปี 65 จะโตต่อเนื่อง 10% YoY ผลบวกจากสำรองหนี้ฯ ลดลง และรายได้การดำเนินงานเพิ่มขึ้นล้อกับเศรษฐกิจ คุณภาพสินเชื่อดีขึ้น NPL ratio ลดลงเหลือ 3.8% ใน Q4/64 และระดับสำรองหนี้ฯ สูงเพื่อรับมือกับ NPLs ในอนาคต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ม.ค. 65)
Tags: CGS, SET, SET Index, บล.คันทรี่ กรุ๊ป, หุ้นไทย