นักวิเคราะห์จาก BMO Capital Markets แสดงความเห็นว่า นโยบายความอดทนต่อโควิด-19 เป็นศูนย์ หรือ Zero-COVID ของจีน รวมถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจอาจส่งกระทบต่อค่าเงินบางสกุล ซึ่งควรจะได้ประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น
นายเกร็ก แอนเดอร์สัน หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ตลาดฟอเร็กซ์ของ BMO พูดในรายการพ็อดคาสต์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “สิ่งที่เราคาดว่าจะเกิดขึ้นก็คือ เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์จะแข็งค่าขึ้น ในทิศทางเดียวกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตรที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่คาดว่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียจะแข็งค่าขึ้นตามราคาโลหะพื้นฐาน แต่จนถึงตอนนี้ สกุลเงินทั้งสองกลับอ่อนค่าลง สวนทางกับค่าเงินยูโรและเงินเยน”
ทั้งนี้ แม้ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะพุ่งทะยานขึ้นในปีนี้ โดยสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ปิดที่ 88.44 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (19 ธ.ค.) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2557 แต่สกุลเงินที่ผันผวนตามราคาน้ำมัน อาทิ เงินโครนของนอร์เวย์, ดอลลาร์ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา กลับอ่อนค่าลง
นอกจากนี้ นายแอนเดอร์สันยังกล่าวว่า บรรดาธนาคารกลางในประเทศที่เศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยสินค้าโภคภัณฑ์มีการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ อย่างไรก็ดี เหตุผลดังกล่าวเป็นคำอธิบายเพียงส่วนหนึ่งสำหรับความแตกต่างที่เกิดขึ้นในเรื่องราคาสินค้าโภคภัณฑ์และสกุลเงินที่อิงตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ผู้เข้าร่วมมหกรรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่งกว่า 70 คนมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวก โดยนักกีฬา คณะผู้ติดตาม และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันจะเดินทางไปมาระหว่างโรงแรมที่พักและสถานที่แข่งขันภายใต้ระบบปิด เพื่อไม่ให้มีการสัมผัสติดต่อกับส่วนอื่น ๆ ของเมือง
นอกจากนี้ จีนยังเรียกร้องให้มีการดำเนินงานอย่างระมัดระวังก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวของเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 31 ม.ค.นี้ โดยรัฐบาลกรุงปักกิ่งได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนในเมืองราว 20 ล้านคนหลีกเลี่ยงการเดินทางก่อนที่มหกรรมการแข่งขันกีฬาดังกล่าวจะเริ่มขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ม.ค. 65)
Tags: BMO Capital Markets, Zero-Covid, ค่าเงิน, จีน, เกร็ก แอนเดอร์สัน