วิจัยกรุงศรี รายงานว่า การบริโภคอาจชะลอลงในระยะสั้น แม้ความเชื่อมั่นในช่วงปลายปีก่อนทยอยปรับขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. 64 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 สู่ระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนที่ 46.2 จาก 44.9 เดือนพ.ย. ปรับดีขึ้นในทุกองค์ประกอบ ปัจจัยหนุนจากผู้บริโภคคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาด จำนวนผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มลดลง และการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นมาก รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมในช่วงกลางเดือนธ.ค. เพื่อหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลปีใหม่
อย่างไรก็ดี ความต่อเนื่องในการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นผู้บริโภค อาจจะสะดุดลงในช่วงต้นปีนี้ เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น และผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 จากสายพันธุ์โอมิครอนที่ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันของไทยกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรีประเมินในกรณีฐาน คาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะแตะระดับสูงสุดในกลางเดือนก.พ. ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายจึงอาจชะลอลงเพียงในระยะสั้น เนื่องจาก 1. การฉีดวัคซีนที่กว้างขวางขึ้น และการฉีดเข็มกระตุ้นเพิ่มมากขึ้น จะเป็นปัจจัยที่ช่วยลดความรุนแรงของการระบาดรอบนี้ 2. คาดว่าจะไม่มีมาตรการล็อกดาวน์ และ 3. การบริโภคมีแนวโน้มได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายและท่องเที่ยวในประเทศ ทั้งโครงการช้อปดีมีคืน คนละครึ่งเฟส 4 และเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ราว 1.4 แสนล้านบาท
สำหรับความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ปรับดีขึ้นต่อเนื่อง การใช้กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมหลัก เริ่มทยอยกลับสู่ช่วงก่อนเกิดการระบาดแล้ว ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. 64 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 สู่ระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนที่ 86.8 จาก 85.4 เดือนพ.ย. ผลบวกจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ ภายหลังจากทางการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดเพิ่มเติม ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินการได้มากขึ้นทางภาคการผลิต การค้า และการเดินทางในประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงการส่งออกที่เติบโตดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า
ขณะที่การฟื้นตัวของอุปสงค์ทั้งใน และต่างประเทศ ช่วยหนุนให้การผลิตในภาคอุตสาหกรรมทยอยปรับดีขึ้น และล่าสุดอัตราการใช้กำลังการผลิตในปัจจุบัน โดยภาพรวมแม้จะยังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 (เดือนพ.ย. อยู่ที่ 65.8% และก่อนระบาดเฉลี่ยอยู่ที่ 67.6%) แต่เริ่มมีบางอุตสาหกรรมสำคัญที่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตกลับไปสูงกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาดแล้ว อาทิ อุตสาหกรรมรถยนต์ เวชภัณฑ์ยา แผงวงจรไฟฟ้าและเซมิคอนดัคเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์
ในขณะเดียวกัน การใช้กำลังการผลิตในบางอุตสาหกรรม กำลังเข้าใกล้ระดับก่อนเกิดการระบาด ได้แก่ HDD, เครื่องมือแพทย์ เครื่องจักร ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก
ทั้งนี้ แนวโน้มการส่งออกของไทยในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อนที่ 5% บวกกับการทยอยฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยหนุนการขยายตัวของการผลิต และการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมในปีนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ม.ค. 65)
Tags: ความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, วิจัยกรุงศรี, อุตสาหกรรม, เศรษฐกิจไทย