SCGP ลบ 2.68% โบรกฯคาด Q4/64 เริ่มฟื้นตัวแต่ยังไม่โดดเด่นต้องรอลุ้นปี 65

หุ้น SCGP ปรับตัวลง 2.68% มาอยู่ที่ 63.50 บาท ลดลง 1.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,265.65 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.20 น. โดยเปิดตลาดที่ 64.75 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 64.75 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 62.75 บาท

บล.เมย์แบงก์ คาดผลประกอบการของ บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) ในไตรมาส 4/64 จะฟื้นตัวดีขึ้น แต่ยังไม่เด่น เมื่อเทียบกับกำไรครึ่งปีแรกที่สูงถึง 2.1-2.2 พันล้านบาทต่อไตรมาส

ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 4/64 จะดีขึ้นหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลายลงทั้งในไทยและอาเซียน ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการฟื้นตัว โดยเฉพาะในเวียดนามที่การผลิตกลับมาเกือบปกติหลังจากไตรมาส 3/64 ลดลงเหลือเพียง 50% ขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์ในตลาด คือ Testliner ปรับขึ้นเป็น 530 เหรียญ/ตัน นอกจากนี้ SCGP จะได้แรงหนุนเพิ่มจากการ M&P (Duytan และ Intan) เต็มไตรมาส

ยอดขายไตรมาส 4/64 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 33,696 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านต้นทุนเศษกระดาษ (AOCC) ปรับลดลงเหลือ 280 เหรียญ/ตัน หรือลดลง 10% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้สเปรดดีขึ้น 250 เหรียญ/ตัน หรือเพิ่มขึ้น 52% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

แต่ EBITDA margin คาดจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 16% จาก 15% ในไตรมาสก่อน แต่ต่ำกว่าปีก่อน 18% เนื่องจากมีต้นทุนเศษกระดาษสูงในสต็อกประมาณ 1.5 เดือน และใช้เวลาในการปรับราคาสุทธิแล้วเราคาดจะมีกำไรปกติ 1,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถ้ารวมกำไรอัตราแลกเปลี่ยน คาดจะมีกำไรสุทธิ 1,860 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนแนวโน้มไตรมาส 1/65 คาดจะได้รับผลประโยชน์เต็มที่มากขึ้น จากราคาขายที่ปรับขึ้นได้เต็มที่มากขึ้น บวกต้นทุนเศษกระดาษที่ปรับลดลง ทำให้สเปรดดีขึ้น เบื้องต้นประเมินกำไรจะกลับมาเกินระดับ 2 พันล้านบาทอีกครั้ง และ ยังรับผลบวกจากการ M&P และ การขยายกำลังการผลิ

ขณะที่แนวโน้มทั้งปี 65 จะเติบโตโดดเด่น จากการลงทุนปี 64 ประมาณ 2 หมื่นล้านบาทเพื่อการเติบโตทั้ง Organic และ Inorganic โดยมี 5 โครงการขยายกำลังการผลิตที่จะทยอยเสร็จในปี 64-65 จะช่วยเพิ่มยอดขายรวม 1.1 หมื่นล้านบาทต่อปี รวมถึง M&P 3 บริษัท (DuYtan, Intan และ Deltalab) ที่เริ่มรับรู้ในครึ่งหลังปี 64 จะช่วยเพิ่มยอดขายต่อปีประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท และยังบวกด้วยการเติบโตสูง และยังคงงบลงทุนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โดยเราคาดยอดขายจะโต 15% สู่ระดับ 138,836 ล้านบาท และ มีกำไร 10,570 ล้านบาท โต 30%

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ม.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top