ดัชนีเชื่อมั่นผู้ประกอบการอสังหาฯ กทม.-ปริมณฑล Q4/64 เพิ่มหลังคลาย LTV

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 4/64 เพิ่มสูงขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่ธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) ประกาศผ่อนคลายมาตรการ LTV ชั่วคราวสำหรับสัญญาเงินกู้ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.64 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.65 เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 รวมถึงการที่รัฐบาลได้มีนโยบายเปิดประเทศในต้นเดือน ธ.ค.64 คาดว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อการกลับมาของกำลังซื้อที่อยู่อาศัยของคนต่างชาตินับเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในทิศทางที่เป็นบวกเพิ่มขึ้น

เมื่อจำแนกกลุ่มผู้ประกอบการฯ ตามประเภทบริษัท พบว่าความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบันของผู้ประกอบการกลุ่ม Listed Companies ในไตรมาส 4/64 มีค่าดัชนีเท่ากับ 56.3 สูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 และสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่มีค่าดัชนี 50.0 แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการกลุ่มนี้มีความเชื่อมั่นต่อธุรกิจในภาวะปัจจุบันเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา เป็นผลจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นโดยมีค่าดัชนีเท่ากับ 62.5 สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า และการเปิดตัวโครงการใหม่หรือเฟสใหม่มีค่าดัชนีเท่ากับ 60.3 ซึ่งสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าเช่นเดียวกัน

ขณะที่ผู้ประกอบการกลุ่ม Non-listed Companies ในไตรมาส 4/64 มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นเท่ากับ 45.5 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 42.7 แนวโน้มดัชนีในด้านต่างๆ เพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกันกับผู้ประกอบการกลุ่ม Listed Companies เห็นได้จากยอดขายที่มีค่าดัชนีเท่ากับ 48.1 สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า และเปิดตัวโครงการใหม่หรือเฟสใหม่มีค่าดัชนีเท่ากับ 47.1 ซึ่งสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ดี ค่าดัชนีของผู้ประกอบการกลุ่ม Non-listed Companies ในทุกด้านยังคงต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50 แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อธุรกิจในภาวะปัจจุบันที่อยู่ในระดับที่ต่ำ และต่ำกว่าผู้ประกอบการกลุ่ม Listed Companies อย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลภาพรวมอีก 6 เดือนข้างหน้า (Expectations Index) มีค่าเท่ากับ 62.0 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ระดับ 57.2 และมีการเพิ่มขึ้นเกือบทุกปัจจัย ยกเว้นในปัจจัยของต้นทุนผู้ประกอบการที่ต่ำกว่าค่ากลางที่ระดับ 50.0 ในภาพรวมของดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้านี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นต่อการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอีก 6 เดือนข้างหน้าในเชิงบวกเพิ่มขึ้น

โดยเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลประกาศต่ออายุมาตรการเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 64 ให้มีการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และการจดจำนองสำหรับที่อยู่อาศัยที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท และขยายครอบคลุมไปถึงบ้านมือสองด้วย จากเดิมที่ให้เฉพาะบ้านใหม่ไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 65 และผู้ประกอบการคาดการณ์ว่าหากมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศได้มากขึ้นจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ทำให้กำลังซื้อเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอีก 6 เดือนข้างหน้าเพิ่มมากขึ้น

เมื่อจำแนกกลุ่มผู้ประกอบการฯ ตามประเภทบริษัท พบว่า กลุ่ม Listed Companies มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 67.4 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 62.9 สูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50.0 และจะเห็นได้ว่ามีการเพิ่มขึ้นในทุกปัจจัยอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ผู้ประกอบการฯ กลุ่ม Non-listed Companies มีค่าดัชนีเท่ากับ 54.0 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ระดับ 48.7 และสูงกว่าค่ากลางที่ระดับ 50.0 เช่นกัน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกปัจจัยเช่นเดียวกัน เห็นได้อย่างชัดว่าผู้ประกอบการกลุ่ม Non-listed Companies และผู้ประกอบการกลุ่ม Listed Companies เริ่มมีความมั่นใจในอีก 6 เดือนข้างหน้ามากยิ่งขึ้น

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ม.ค. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top