นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจ มาร์ท จำกัด (JMART) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการในปี 65 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตได้ถึง 50% จากปัจจัยหนุนการผนึกกำลังในเครือ JMART และการจับมือพันธมิตรรายใหม่ ด้วย Exponential Growth หรือ J Curve ทำให้เกิด Ecosystem ในด้านธุรกิจค้าปลีก (Commerce) และธุรกิจการเงิน (Finance) ด้วยกลยุทธ์ทรานส์ฟอร์มธุรกิจจาก Investment Holding Company เป็น Technology Investment Holding Company อย่างเต็มรูปแบบ ขับเคลื่อนด้วยพลัง Synergy เทคโนโลยีและบล็อกเชน และ Big Data เป็นปัจจัยหลักเข้ามาช่วยหนุนการเติบโต
แผนงานในปี 65 กลุ่ม JMART จะเติบโตแบบยกกำลัง 2 จากการต่อยอดพลัง Synergy กลุ่มพันธมิตร โดยเฉพาะ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ซึ่งจะเห็นเมกะโปรเจ็คต์ร่วมกันมากขึ้น และเตรียมนำเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนในช่วงปลายปี 64 มาเติบโตต่อยอดธุรกิจ นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาธุรกิจรูปแบบใหม่ที่เป็น Platform ด้านค้าปลีกและการเงิน คาดว่าจะได้เห็นความร่วมมือเกิดขึ้นในปีนี้อีก 2-3 ดีล ซึ่งน่าจะประกาศโครงการแรกได้ในเร็วๆ นี้ เป็นพันธมิตรในกลุ่มอุตสาหกรรมด้านค้าปลีกและการเงินที่สามารถเข้ามาต่อยอดการเติบโตของบริษัท
ด้านนายชลวุฒิ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMART เปิดเผยว่า บริษัทได้วางงบลงทุนไว้ราว 2,000 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งจะใช้ลงทุนในบริษัท JayDee Group.,Ltd เพื่อประกอบธุรกิจในรูปแบบการรวมตัวของผู้ประกอบการดีลเลอร์เครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศที่ดำเนินกิจการมามากกว่า 10 ปี ซึ่งปัจจุบันมีการแข่งขันค่อนข้างสูง การเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรกับ JMART จะช่วยให้สามารถแข่งขันได้มากยิ่งขึ้น และบริษัทจะนำสินค้าจาก เจ โมบาย หรือสินค้าอื่นๆ เข้าไปจำหน่ายยังหน้าร้านค้าต่างๆ ที่เข้ามาเป็นพันธมิตรดังกล่าว
นอกจากนั้น จะนำเงินบางส่วนไปใช้ในการขยายกิจร่วมนระหว่าง บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) และ บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เพื่อขายอุปกรณ์ไฟฟ้าและโซลาร์โซลูชั่นผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายและการจัดหาสินเชื่อ โดยกลุ่มธุรกิจในเครือ SINGER ทั่วประเทศ สัดส่วนการลงทุนประกอบด้วย JMART 40% SINGER 10% และ GUNKUL 50% ซึ่งทิศทางการเติบโตจากนี้คาดว่าจะนำบริษัทใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ในอนาคต
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรเพื่อที่จะจัดตั้งบริษัท Thailand Amz Co.,Ltd เพื่อดูแลและพัฒนาแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้า จำหน่ายสินค้า และทำการตลาดผ่านออนไลน์ นอกจากนี้บริษัทยังคงมองหาการลงทุนในธุรกิจแนๆเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องเพื่อเข้ามาหนุนการเติบโตของบริษัท และเป็นการเพิ่ม Ecosytem
ขณะที่นายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด (JAYMART MOBILE) ผู้ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือและอุปกรณ์เสริม เปิดเผยว่า ในปี 65 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 50% หรือ 12,500 ล้านบาท และกำไรเติบโตเท่าตัว จากการบริหารจัดการภายในที่ดีต่อเนื่อง รวมถึงการปรับรูปแบบธุรกิจให้เหมาะสมภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยบริษัทได้ขยายสาขาผ่านการเปิดร้านเจมาร์ทซินเนอร์ยี่กับ SINGER และในพื้นที่ของบริษัทในเครือ รวมถึงการขายสินค้าผ่านช่องทาง Synergy ด้วยสินเชื่อจาก KB J Capital และ SINGER
โดยบริษัทมี 4 กลยุทธ์หลัก คือ Gadget Destination มุ่งเน้นสินค้าด้านเทคโนโลยี สร้างประสบการณ์ใหม่ผู้บริโภค , Financial Destination การตอบโจทย์บริการด้านสินเชื่อ ไม่มีบัตรก็ผ่อนได้, Digital Transformation การขยายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ และ Power of Synergy การมีเครือข่ายการขายที่แข็งแกร่ง ผ่านช่องทางของ SINGER และ BTS Group ทั้งนี้ มองว่านโยบายภาครัฐที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ ช้อปดีมีคืน จะสนับสนุนให้ภาพรวมการจับจ่ายใช้สอยในช่วงต้นปี 65 กลับมาฟื้นตัว นอกจากนี้ Digital และ Metaverse เป็นปัจจัยหนุนให้สินค้าเทคโนโลยีเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ม.ค. 65)
Tags: BTS, JMART, นราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์, บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, หุ้นไทย, อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา, เจ มาร์ท, เจมาร์ท โมบาย