เงินบาทเปิด 33.25 แข็งค่าจากวานนี้ ตลาดจับตาตัวเลขเงินเฟ้อไทย-ตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ

นักบริหารเงินจากธนาคากรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.25บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเย็น วานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.29/31 บาท/ดอลลาร์

เช้านี้เงินบาทแข็งค่าจากเย็นวาน วันนี้ก็ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ที่ยอดผู้ติด เชื้อเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น รวมทั้งการเฝ้าระวังสายพันธุ์โอมิครอน รวมทั้งติดตามการรายงานอัตราเงินเฟ้อของไทยเดือน ธ.ค.64

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ต้องติดตามบอนด์ยีลด์ของสหรัฐ ที่หลังจากเปิดทำการในช่วงหยุดปีใหม่ก็พุ่งขึ้นมากพอสมควร และตัว เลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนธ.ค.ของสหรัฐ และรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลาง สหรัฐ (FOMC)

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.20 – 33.35 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (4 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.32645% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.39585%

ปัจจัยสำคัญ

– เงินเยนอยู่ที่ระดับ 116.17 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 115.84/87 เยน/ดอลลาร์

– เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1282 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.1300/04 ดอลลาร์/ยูโร

– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.311 บาท/ดอลลาร์ – กระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) จะรายงานอัตราเงินเฟ้อ เดือนธ.ค.64 และ สรุปภาพรวมสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการ ปี 64

– กระทรวงการคลังได้ปรับเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 2565 ของกรมภาษี ทั้ง 3 แห่ง คือ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากรใหม่ จากเดิมตามเอกสารงบประมาณเมื่อปีงบประมาณ 2564 ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 2.82 ล้านล้านบาท ปรับ เหลือ 2.56 ล้านล้านบาท หรือลดลง 260,000 ล้านบาท เนื่องจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อทั้งภาคธุรกิจและการ ใช้จ่ายภาคประชาชน

– กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประเมินทิศทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยในช่วงต่อจากนี้ โดยยอมรับว่า การระบาด ของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน อาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอการเดินทางท่องเที่ยวในอนาคต หลังจากรัฐบาลได้มีการงดรับ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ในรูปแบบเทสต์ แอนด์ โก และแซนด์บ็อกซ์ 14 วัน ถึงวันที่ 4 ม.ค.64 เพื่อประเมิน สถานการณ์ รวมทั้งป้องกันการแพร่ระบาดจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่อาจเข้ามาจากต่างประเทศ

– วงการตลาดเงินดิจิทัลฟันธง “คริปโทเคอเรนซี” จุดพลุลงทุนปี 2565 ชี้เทรนด์เหรียญที่อยู่บนแพลตฟอร์ม Defi-NFT- Metaverse” มาแรง ปลุกกระแส ชี้ “บิตคอยน์” แรงไม่ตก ลุ้นปีนี้แตะ 8 หมื่นดอลลาร์ ขณะที่ บลจ.ไทยพร้อมออกกองทุนลุยสินทรัพย์ดิจิ ทัลหาก ก.ล.ต.ไฟเขียว

– โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า บิตคอยน์จะเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดของทองคำ หลังจากที่ผู้คนนิยมเข้าถือครองสินทรัพย์ดิจิ ทัลกันมากขึ้น ส่งผลให้มีกระแสคาดการณ์ว่าราคาบิตคอยน์อาจทะยานไปถึง 100,000 ดอลลาร์

– ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (4 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค. อย่างไรก็ดี ดอลลาร์แข็งค่าเพียงเล็กน้อยเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐได้สกัดแรงบวกของดอลลาร์ในระหว่างวัน

– สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 58.7 ในเดือนธ. ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2564 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 60.1 จากระดับ 61.1 ในเดือนพ.ย. โดย ดัชนีภาคการผลิตได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของอุปสงค์และคำสั่งซื้อใหม่

– สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 529,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 10.6 ล้าน ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าที่นักิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 11.075 ล้านตำแหน่ง

ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS นับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาด แรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงิน และอัตราดอกเบี้ยของเฟด

– สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (4 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนยังเป็น ปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นกัน

– นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนธ.ค.ในวันศุกร์นี้ ขณะที่นัก วิเคราะห์ในโพลสำรวจของวอชิงตันโพสต์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐจะพุ่งขึ้น 362,000 ตำแหน่ง ซึ่งแข็งแกร่งกว่าเดือนพ.ย.ที่เพิ่มขึ้นเพียง 210,000 ตำแหน่ง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ม.ค. 65)

Tags: ,
Back to Top