ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งยุโรป (ECDC) แถลงในวันนี้ว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งมีการพบครั้งแรกในอินเดีย มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในยุโรป
รายงานของ ECDC ระบุว่า เนื่องจากไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาสามารถแพร่ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมถึง 40-60% ทำให้มีการคาดการณ์ว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตาจะครองสัดส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่มากถึง 70% ในสหภาพยุโรป (EU) และเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) ภายในต้นเดือนส.ค. และจะสูงถึง 90% ภายในปลายเดือนส.ค.
นอกจากนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่, ผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล และผู้ที่เสียชีวิต จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับที่เคยทำไว้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงในปีที่แล้ว หากมีการปล่อยการ์ดตกเกี่ยวกับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม, การใส่หน้ากากอนามัย และการหมั่นล้างมือ
ECDC ยังเรียกร้องให้มีการเร่งฉีดวัคซีน โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 2 ให้แก่ประชาชน
ทางด้านแพทย์หญิงโรเชล วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ เรียกร้องให้ชาวสหรัฐรีบเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา มีแนวโน้มกลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 มิ.ย. 64)
Tags: COVID-19, EEA, EU, ฉีดวัคซีน, ยุโรป, สหภาพยุโรป, เขตเศรษฐกิจยุโรป, โควิด-19, โควิดสายพันธุ์เดลตา, โรเชล วาเลนสกี