ธนาคารเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษบรรดาลูกค้าในฮ่องกง หลังจากธนาคารได้ปรับปรุงเงื่อนไขบริการออนไลน์และโมบายแบงกิ้งซึ่งทำให้เกิดความวิตกว่า ลูกค้าจะไม่สามารถใช้บริการดังกล่าวนอกเขตฮ่องกงได้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวได้สร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเข้าถึงบริการของธนาคาร
การออกแถลงการณ์ขอโทษอย่างรวดเร็วของเอชเอสบีซีในครั้งนี้ได้ตอกย้ำความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นในฮ่องกง ไม่เพียงแต่ในภาคประชาสังคมเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงกดดันต่อภาคธุรกิจในฮ่องกงด้วย หลังจากที่รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการที่เข้มงวดเพื่อจัดระเบียบฮ่องกง
ธนาคารหลายแห่งในฮ่องกงพยายามที่จะรับมือกับบรรยากาศการเมืองอันตึงเครียด หลังจากรัฐบาลฮ่องกงได้ใช้ธนาคารพาณิชย์เหล่านี้เป็นเครื่องมือในการจัดการกับหนังสือพิมพ์แอปเปิล เดลีซึ่งเป็นสื่อกระแสหลักที่สนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง โดยรัฐบาลได้สั่งให้ธนาคาร 7 แห่งระงับการทำธุรกรรมกับบริษัทผู้ผลิตหนังสือพิมพ์ดังกล่าว
กระแสความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวได้จุดปะทุขึ้น หลังจากมีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งได้แชร์ลิงก์ข้อความบนเว็บไซต์ของธนาคารเอชเอสบีซีซึ่งระบุว่า ธนาคารได้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขด้านการบริการออนไลน์และโมบายแบงกิ้ง โดยประกาศว่า นับตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค.นี้เป็นต้นไป ลูกค้าอาจจะไม่สามารถใช้บริการออนไลน์ หรือโมบายแบงกิ้งนอกเขตแดนฮ่องกง
ข้อความบนเว็บไซต์ของเอชเอสบีซียังได้ถูกรายงานเป็นวงกว้างในหนังสือพิมพ์ของฮ่องกง ซึ่งรวมถึง Ming Pao, Sing Tao Daily และ Hong Kong Economic Times นอกจากนี้ LIHKG ซึ่งเป็นหนึ่งในสื่อสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดของฮ่องกง ได้นำข้อความดังกล่าวไปโพสต์ และทำให้มีประชาชนเข้าไปแสดงความเห็นมากกว่า 800 รายการนับตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ โดยมีบางคนกล่าวว่า พวกเขาจะโอนเงินไปยังธนาคารอื่นๆ
สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ธนาคารเอชเอสบีซีต้องรีบออกแถลงการณ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่า ธนาคารยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ และธนาคารเพียงแค่รวมเงื่อนไขของการบริการอินเทอร์เน็ต แบงกิ้ง, โมบายแอป และโมบาย ซิเคียวริตี ไว้ในเอกสารเดียวกันเท่านั้น
“ลูกค้าของเอชเอสบีซีฮ่องกงยังสามารถเข้าถึงบริการผ่านทางออนไลน์ แบงกิ้ง และโมบายแบงกิ้งนอกเขตแดนฮ่องกงได้ เรายังไม่มีแผนการที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขการบริการใดๆ”
โฆษกของเอชเอสบีซี ระบุ
เหตุการณ์ล่าสุดไม่ใช่ครั้งแรกที่เอชเอสบีซีซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของฮ่องกงได้ตกเป็นเป้าโจมตี โดยเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว เอชเอสบีซีได้ถูกบีบให้อายัดบัญชีของนายเท็ด ฮุย อดีตนักการเมืองฮ่องกงซึ่งลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้สภานิติบัญญัติของอังกฤษเรียกตัวนายโนเอล ควินน์ ซีอีโอของเอชเอสบีซีเข้าให้ปากคำ ขณะที่นายควินน์กล่าวว่า เอชเอสบีซีไม่มีทางเลือก นอกจากจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายของฮ่องกง
ด้านนายคา-ชุง ลอว์ นักวิเคราะห์จากมหาวิทยาลัย University of Hong Kong แสดงความเห็นว่า “เอชเอสบีซีไม่ได้ให้คำอธิบายที่ชัดเจนว่าทำไมธนาคารจึงต้องเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการให้บริการ แต่ผมเชื่อว่า หากลูกค้าในฮ่องกงอพยพไปยังต่างประเทศ พวกเขาก็ต้องมีการเปิดบัญชีในต่างประเทศรอไว้แล้ว”
ขณะที่นักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา คาดการณ์ว่า เม็ดเงินไหลออกจากฮ่องกงไปยังประเทศอังกฤษเพียงประเทศเดียวนั้น อาจสูงถึง 2.80 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ และจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 5.88 แสนล้านดอลลาร์ฮ่องกงในอีก 5 ปีข้างหน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มิ.ย. 64)
Tags: HSBC, การเมืองฮ่องกง, ธนาคาร, ธนาคารเอชเอสบีซี, บริการออนไลน์, ฮ่องกง, เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์, โมบายแบงกิ้ง