นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยผลการเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ในประเทศไทย ตั้งแต่เม.ย.-20 มิ.ย. 64 พบ สายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) จำนวน 5,641 ตัวอย่าง สายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) จำนวน 661 ตัวอย่าง และสายพันธุ์เบต้า (แอฟริกาใต้) จำนวน 38 ตัวอย่าง
จากข้อมูลล่าสุด พบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าเพิ่มในเขตสุขภาพที่ 4 (นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง นครนายก) เพิ่มอีก 65 ราย จากเดิมจำนวน 40 ราย รวมเป็น 105 ราย ส่วนเขตสุขภาพที่ 13 (เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ สระบุรี ราชบุรี ระยอง ขอนแก่น อุดรธานี) เพิ่มอีก 87 ราย จากเดิม 404 ราย รวมเป็น 491 ราย
ขณะที่สายพันธุ์เบต้า ยังพบเฉพาะในภาคใต้ 38 ราย โดยพบในเขตสุขภาพที่ 11 (ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา กระบี่ ภูเก็ต) จำนวน 2 ราย และเขตสุขภาพที่ 12 (ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ยะลา) เพิ่มอีก 5 ราย จากเดิม 28 ราย รวมเป็น 33 ราย
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า จากการติดตามเด็กนักเรียนในจังหวัดยะลา เบื้องต้นพบมีทั้งสายพันธุ์อัลฟา และสายพันธุ์เบต้า ซึ่งขณะนี้หน่วยงานสาธารณสุขกำลังติดตามหาต้นตอว่าติดมาจากที่ไหน และกำลังเร่งติดตามว่าเชื้อมีการกระจายไปจังหวัดอื่นๆ หรือไม่
ส่วนผลการตรวจเด็กนักเรียนที่จังหวัดสมุทรปราการและจังหวัดตราดที่เดินทางกลับมาจากจังหวัดยะลา ผลตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างกักตัวเฝ้าระวังต่อไป ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมเฝ้าระวังในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มิ.ย. 64)
Tags: COVID-19, กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, ภาคใต้, ศุภกิจ ศิริลักษณ์, โควิด-19, โควิดสายพันธุ์อัลฟา, โควิดสายพันธุ์เดลตา, โควิดสายพันธุ์เบตา