นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์นักการเมืองนั้น เรื่องนี้อยากให้ไปถามผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่า
ส่วนที่มีข้อท้วงติงจาก ส.ว.ส่วนหนึ่ง กรณีมาตรา 144 และมาตรา 185 ที่ทำให้กลไกปราบโกงอ่อนแอลงนั้น นายวิษณุ ยอมรับว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่มีปัญหา ซึ่งหากผ่านวาระ 1 ไปแล้ว ก็สามารถแก้ไขในวาระ 2 และ 3 ได้ ซึ่งสามารถแก้ไขให้กฎหมายมีความเข้มข้นขึ้นหรือเบาลงได้ แต่ยอมรับว่า สองมาตรานี้ ยังทำให้เกิดปัญหาว่าสิ่งไหนทำได้หรือไม่ได้ จนนำไปสู่การตีความ ส่วนตัวยังไม่รู้ว่าจะแก้ไปในแนวทางใด
ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า มาตราดังกล่าวทำให้กฎหมายไม่เข้มข้น แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับสภาฯจะพิจารณา ซึ่งทางสภาฯ อยากจะร่างใหม่ทั้งฉบับอยู่แล้ว
นายวิษณุ ระบุว่า ไม่ทราบกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ตีตกญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เรื่องการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยระบุว่า ถือเป็นเรื่องของทางสภาฯ รวมทั้งกรณีมีแนวโน้มกลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และประเด็นการปิดสวิตซ์ ส.ว. ด้วย
นายวิษณุ กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลเสนอว่า หากร่างพ.ร.บ.ประชามติ ผ่านสภาฯแล้ว จะส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.)จัดทำประชามติโดยเร่งด่วนว่า กฎหมายดังกล่าวยังไม่ประกาศใช้ ซึ่งตามขั้นตอนเมื่อผ่านสภาฯแล้ว รัฐบาลต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ และลงพระปรมาภิไธย เพื่อประกาศใช้ ดังนั้นหากจะมาข้ามขั้นตอนก็จะทำให้เกิดการถกเถียงกันไม่สิ้นสุด แต่หากเป็นการเตรียมการไว้ก็สามารถทำได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มิ.ย. 64)
Tags: กฎหมาย, ครม., ชวน หลีกภัย, พ.ร.บ.ประชามติ, พรรคก้าวไกล, วิษณุ เครืองาม, ส.ว., ส.ส.ร., สภาร่างรัฐธรรมนูญ, แก้ไขรัฐธรรมนูญ