ประเด็นการถอดถอนนโยบายปรับลดเม็ดเงินที่ใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการ QE (QE Tapering) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กำลังถูกเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดจากผู้ลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะการประชุมนัดล่าสุดในวันที่ 15-16 มิ.ย.นี้ จากการสำรวจมุมมองนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงคาดว่าการประชุมของเฟดรอบนี้อาจยังไม่ส่งสัญญาณ QE Tapering พร้อมคงระดับวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือนต่อไปและคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% เช่นเดิม
สอดคล้องกับกระแสการไหลเข้าเม็ดเงินลงทุนของกลุ่มผู้ลงทุนต่างชาติที่หวนกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง โดยตั้งแต่วันที่ 1-14 มิ.ย.64 พบว่ากลุ่มผู้ลงทุนต่างชาติมีสถานะซื้อสุทธิกว่า 7,122 ล้านบาท สวนทางกับกลุ่มผู้ลงทุนรายย่อยที่ขายสุทธิรวมกว่า 6,460 ล้านบาท จึงเป็นที่น่าสนใจว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถคาดหวังกับแรงซื้อของกลุ่มผู้ลงทุนต่างชาติได้เพิ่มเติมอีกหรือไม่
ขณะที่ผลกระทบจากการทำ QE Tapering รอบนี้จะกดดันให้กลุ่มผู้ลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยอย่างรุนแรงเกือบ 2 แสนล้านบาทเหมือนกับวันที่เฟดเคยส่งสัญญาณทำ QE Tapering ครั้งที่แล้วหรือไม่ และช่วงเวลาไหนที่จะปลดล็อกให้ผู้ลงทุนต่างชาติขนเงินมาซื้อหุ้นไทยรอบใหญ่ได้อีกครั้ง มาหาคำตอบกับนายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้
ทั้งนี้ รายการ “Wealth Me Please” จะนำข้อมูลความรู้ด้านการเงินและการลงทุน ผ่านมุมมองของผู้เชี่ยวชาญหลายๆท่านนำมาต่อยอดช่วยสร้างความมั่งคั่งได้ด้วยตัวเอง พบกันทุกสัปดาห์ที่ช่องยูทูป InfoQuestNews Channel
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 มิ.ย. 64)
Tags: WealthMePlease, การลงทุน, ณัฐชาต เมฆมาสิน, ตลาดหุ้นไทย, ทรีนีตี้, นักลงทุนต่างชาติ, หุ้นไทย