คณะผู้แทนจีนประจำสหภาพยุโรป (EU) ออกมาคัดค้านการกล่าวหาขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้ (NATO) ที่ระบุว่า จีนเป็นความท้าทายเชิงระบบ และยังเป็นการกล่าวหาที่มุ่งโจมตีการพัฒนาอย่างสันติของจีน ซึ่งแสดงถึงการก่อสงครามเย็นทางจิตวิทยาอย่างต่อเนื่อง และเป็นการแบ่งกลุ่มทางการเมือง
โฆษกของคณะผู้แทนจีนฯ ระบุในแถลงการณ์ว่า “จีนยังคงยึดมั่นในนโยบายการป้องกันประเทศซึ่งเป็นการป้องกันตามปกติวิสัย นอกจากนี้ การเดินหน้าปรับปรุงงานด้านการป้องกันประเทศและกลาโหมของจีนให้ทันสมัยนั้นก็เป็นสิ่งที่เหมาะสม มีเหตุผล เปิดกว้าง และโปร่งใส”
โฆษกของคณะผู้แทนจีนฯ ยังระบุว่า งบประมาณด้านกลาโหมของจีนในปี 2564 นั้น อยู่ที่ราว 2.09 แสนล้านดอลลาร์ หรือเพียง 1.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และยังน้อยกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของงบประมาณด้านกลาโหมที่กลุ่มนาโต้กำหนดไว้อยู่ที่ขั้นต่ำ 2% ของ GDP
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ขณะเดียวกัน การใช้จ่ายด้านกลาโหมของสมาชิกนาโต้ทั้ง 30 ประเทศนั้น คาดว่าจะอยู่ที่ 1.17 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของงบประมาณด้านกลาโหมทั่วโลกรวมกัน และมากกว่าจีน 5.6 เท่า
“ประชาชนทั่วโลกย่อมเห็นได้ชัดว่าใครที่มีฐานทัพอยู่ทั่วโลก และใครที่ชอบแสดงแสนยานุภาพทางทหารด้วยการส่งเรือบรรทุกอากาศยานแล่นไปทั่วโลก”
โฆษกกล่าว
สำหรับเรื่องนิวเคลียร์นั้น โฆษกคนดังกล่าวระบุว่า จำนวนอาวุธนิวเคลียร์ที่จีนมีนั้นเทียบไม่ได้กับที่บางชาติสมาชิกนาโต้มีอยู่ อย่างเช่นสหรัฐ โดยอ้างรายงานจากหน่วยงานของสวีเดนและสหรัฐ
“จีนจะเดินหน้าการพัฒนาอย่างสันติต่อไป แต่จะไม่ละทิ้งสิทธิ์ที่จะยืนหยัดในการรักษาสันติภาพและปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์จากการพัฒนาของตนเอง จีนไม่ได้เป็นความท้าทายเชิงระบบต่อผู้ใด แต่จะไม่นิ่งเฉยโดยไม่ทำสิ่งใด หากความท้าทายเชิงระบบเข้ามาใกล้เรามากขึ้น”
โฆษกกล่าวทิ้งท้าย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 มิ.ย. 64)
Tags: EU, NATO, จีน, นาโต้, สงครามเย็น, สหภาพยุโรป, อาวุธนิวเคลียร์